แต่ดูเหมือนว่าการผ่อนปรนการคว่ำบาตรของสหรัฐฯจะไม่ได้รับการตอบรับอย่างยินดีเท่าใดนักจากบรรดานักสิทธิมนุษยชน และกลุ่มผู้ต่อสู้เพื่อประชาธิปไตยในพม่า เพราะเห็นว่ายังเร็วเกินไป และอาจเป็นการส่งสัญญาณผิด ๆ ต่อรัฐบาลพม่าว่า การปฏิรูปที่ผ่านมาเพียงพอแล้ว
นายสุนัย ผาสุข ที่ปรึกษาองค์การฮิวแมนไรท์ วอทช์ ภูมิภาคเอเชีย ซึ่งจับตาพัฒนาการในพม่ามาโดยตลอด มองว่าสหรัฐฯควรจะระมัดระวังในการดำเนินนโยบายในรูปแบบใหม่ต่อพม่า และเรียกร้องให้พิจารณาผ่อนปรนการคว่ำบาตรอย่างสอดคล้องกับความเป็นจริงในพม่า โดยจะต้องค่อยเป็นค่อยไปและมีเงื่อนไข ให้สอดคล้องกับพัฒนาการของรัฐบาลพม่าที่มีต่อความต้องนานาชาติ
เช่นเดียวกับนายโซอ่อง รองเลขาธิการ Forum for Democrycy ในพม่า ที่มองว่าการ ผ่อนปรนการคว่ำบาตรครั้งนี้ เป็นการตัดสินใจที่ผิดพลาดอย่างร้ายแรง เพราะจะเป็นการส่งสัญญาณที่ผิดๆ ต่อรัฐบาลพม่า ว่าการปฏิรูปที่ผ่านมาเป็นความพยายามที่เพียงพอแล้ว
ปัญหาที่องค์กรด้านสิทธิมนุษยชนซึ่งติดตามปัญหาในพม่าเห็นตรงกันว่า ยังไม่มีพัฒนาการที่ดีขึ้น คือเรื่องการปราบปรามกลุ่มชาติพันธุ์ โดยเฉพาะการต่อสู้ระหว่างกลุ่มคะฉิ่นกับทหารพม่า ที่ยังรุนแรง และมีการละเมิดสิทธิมนุษยชนอย่างร้ายแรง รวมทั้งประเด็นนักโทษการเมือง ที่ยังไมได้รับการปล่อยตัวอีกหลายร้อยคน
การปลดล็อคการคว่ำบาตรด้านการลงทุนทำให้นักลงทุนสหรัฐ สามารถทำธุรกิจการค้าและการลงทุนกับพม่าได้ทุกด้าน ยกเว้นการค้าอาวุธ และยังมีข้อจำกัดเรื่องการทำธุรกิจกับกองทัพพม่า
ขณะที่วันนี้ (18 พ.ค.) มีรายงานว่า พล.อ.เต็ง เส่ง ประธานาธิบดีพม่าวัย 67 ปี ต้องพักฟื้นอยู่ที่บ้านพักส่วนตัวในนครย่างกุ้ง เพราะป่วยเป็นไข้หวัด ซึ่งเจ้าหน้าที่ทำเนียบประธานาธิบดีคนหนึ่งยืนยันว่า ผู้นำพม่าไม่ได้ป่วยด้วยโรคร้ายแรงตามที่มีข่าวลือก่อนหน้านี้ ขณะที่เมื่อวานนี้ (17 พ.ค.) ประธานาธิบดีเต็ง เส่ง ก็เข้ารับการตรวจร่างกายตามกำหนดที่โรงพยาบาลในนครย่างกุ้ง