กระทรวงพลังงาน คุมการใช้แอลพีจีภาคอุตสหกรรม
กรมธุรกิจพลังงานแจ้งผู้ประกอบการที่ใช้เเอลพีจีภาคอุตสาหกรรม ที่ครอบครองแก๊ส ตั้งเเต่ 250 กิโลกรัมขึ้นไป ต้องเเจ้งการครอบครองหรือขออนุญาต หากครอบครองเกิน 1 พันกิโลกรัมต้องเปลี่ยนการเก็บเเละใช้เเก็สเเอลพีจีเป็นถังเก็บ หรือ เบ้าท์ ซึ่งเป็นตามประกาศกระทรวงพลังงาน เพื่อจะควบคุมการใช้แก๊สแอลพีจี ภาคครัวเรือน และภาคขนส่ง หากสถานประกอบการใดไม่เเจ้งข้อเท็จจริงมีโทษจำคุกไม่เกิน 1 ปี ปรับไม่เกิน 100,000 บาท หรือ ทั้งจำทั้งปรับ ส่วนผู้ที่ไม่ขออนุญาต ครอบครองมีโทษจำคุกไม่เกิน 2 ปี ปรับไม่เกิน 200,000 บาท
ด้าน นายวีระพล จิระประดิษฐ์กุล อธิบดีกรมธุรกิจพลังงาน เปิดเผยว่า ยอดการใช้เเอลพีจีช่วงเดือนเมษายน ที่ผ่านมา ภาพรวมการใช้เเก๊สเเอลพีจีลดลงที่ส่วนเมื่อเทียบกับเดือนก่อนหน้า เเอลพีจีภาคอุตสาหกรรมมีการใช้ลดลง ร้อยละ 17 ภาคขนส่งลดลงร้อยละ 6 เนื่องจากเดือนที่ผ่านมามีวันหยุดยาว และเมื่อวันที่ 1 เม.ย. มีการขึ้นราคาแอลพีจีภาคอุตสาหกรรม 3 บาทต่อกิโลกรัม ทำให้ราคาขายปลีกอยู่ที่ 30.13 บาทต่อกิโลกรัมและการปรับเพิ่มภาคขนส่งอีก 75 สตางค์ต่อกิโลกรัมเมื่อวันที่ 16 เม.ย. ทำให้ราคาขายปลีกอยู่ที่ 21.13 บาท
ขณะที่ยอดการใช้น้ำมันเดือนเมษายนปรับลดลงเมื่อเทียบกับเดือนก่อนหน้า โดยดีเซลลดลงร้อยละ 5 เบนซินลดลงร้อยละ 2 โดยเฉพาะเบนซิน 91 ที่ยอดการใช้ต่อวันอยู่ที่ 8.7 ล้านจากเดิม 9.3 ล้านลิตร และมีแนวโน้มลดลงอย่างต่อเนื่องในเดือนนี้ แม้สถานการณ์ราคาน้ำมันในตลาดโลก เดือนเมษายนถึงพฤกษภาคมปรับตัวลดลง จากปัญหาหนี้สาธารณะในยุโรป แต่กรณีสหภาพยุโรปอาจจะคว่ำบาตรอิหร่าน โดยระงับการซื้อน้ำมัน ยังคงเป็นปัจจัยที่ส่งต่อราคาน้ำมัน