เมื่อคนดังตัดสินเรียลิตี้ โชว์
ทุ่มเงินเกือบ 20 ล้านดอลลาร์เพื่อเพิ่มเรตติ้งรายการเรียลิตี้ดัง X Factor ด้วยการดึงตัวซูเปอร์สตาร์ บริทนีย์ สเปียร์ส มาเป็นกรรมการ ขณะที่เวที America's Got Talent ก็ใช้ ฮาเวิร์ด สเติร์น ดีเจคนดัง เรียกความสนใจ ซึ่งก็ได้ผล ทั้ง 2 เวทีถูกพูดถึงพร้อมไปกับความนิยมในตัวศิลปิน ขณะที่ผู้เข้าแข่งขันตัวจริงกลับถูกเอ่ยถึงน้อยกว่า
บทบาทกรรมการตัดสินรายการเรียลิตี้ โชว์ กำลังได้รับความนิยมจากนักร้องดังมากมาย นอกจากรายได้ที่เพิ่มขึ้น ทดแทนยอดจำหน่ายซีดีที่ไม่อาจพึ่งได้เหมือนในอดีต ศิลปินดังเหล่านี้ยังกลับมาอยู่ในความสนใจ ตัวอย่างความสำเร็จของกรรมการคนดัง American Idol
สตีเวน ไทเลอร์ นักร้องวัย 64 ปี ที่สามารถปลุกชีพ Aerosmith จนสามารถกลับมาทำอัลบั้มใหม่ในรอบ 11 ปี และเจนนิเฟอร์ โลเปซ ที่แต่เดิมเคยถูกเลิกสัญญากับค่ายเพลงเก่า แต่วันนี้เธอกลับมาพร้อมกับงานเพลงที่โด่งดังที่สุดในอาชีพ เปิดตัวแบรนด์เสื้อผ้า และรายการเรียลิตี้ โชว์สไตล์ลาตินของตนเอง ชื่อเสียง และการงานที่เพิ่มขึ้นทำให้หลายฝ่ายคาดว่าเธออาจถอนตัวจากรายการในปีหน้า
ความสำเร็จของทั้งคู่ ทำให้นักร้องดังหันมาสร้างชื่อกับรายการเรียลิตี้ โชว์มากมาย เช่น Duets รายการใหม่ของช่อง ABC ที่นักล่าฝันจะแข่งร้องเพลงคู่ร่วมกับคนดัง จะมี เคลลี คลากสัน และ จอห์น เลเจนด์ มาร่วมเป็นพี่เลี้ยง
แต่กระแสความดังของกรรมการศิลปินเหล่านี้ กลับถูกมองว่ากำลังบดบังความสนใจของผู้เข้าแข่งขันเรียลิตี้ โชว์ เห็นได้ชัดในรายการ The Voice เมื่ออัลบั้มของ 2 ผู้เข้าชิงปีก่อนไม่ติดชาร์ต Billboard top 100 สวนทางกับความสำเร็จของกรรมการอย่าง อดัม เลวิน ที่นำเพลงของ Maroon 5 มาเปิดแสดงในรายการจนได้รับความนิยมเพิ่มขึ้นโดยเฉพาะ Moves Like Jagger ซิงเกิลที่ร่วมร้องกับ คริสตินา อกีเลรา เพื่อนนักร้องที่เป็นกรรมการด้วยกันจนบทเพลงนี้กลายเป็นหนึ่งในเพลงดังของปี 2011
ความสำเร็จของ One Direction บอยแบนด์ที่ร้อนแรงที่สุดแห่งยุค จากเวที X Factor เป็นโอกาสที่เกิดขึ้นไม่ง่ายนัก สำหรับผู้เข้าประกวดในปัจจุบันที่ต้องช่วงชิงความสนใจของผู้ชม ทั้งจากคู่แข่งในรายการ และกรรมการตัดสินที่เป็นคนดัง การเพิ่มเรตติ้งด้วยการใช้ศิลปินที่มีชื่อเสียงมาเป็นกรรมการจึงอาจเป็นอุปสรรคหนึ่งในการปั้นดาวดวงใหม่ประดับวงการตามจุดประสงค์ที่แท้จริงของเวทีล่าฝัน