จนทำให้แฟนเพลงของเธอ ได้พยายามซ้อมเต้นบนส้นสูงกว่า 7 นิ้ว มาอย่างคล่องแคล่ว เพื่อคอนเสิร์ตที่รอคอย แม้อยู่ไกลถึงเชียงใหม่ แต่ความชื่นชอบในฐานะศิลปินที่สร้างแรงบันดาลใจก็ทำให้เด็กชายวัย 16 ปี กล้าแสดงความเป็นตัวตนมากขึ้น ความคิดแปลกแหวกแนว กล้าแสดงออก และยืนหยัดเคียงข้างหนุนกลุ่มคนรักเพศเดียวกัน เรียกร้องให้ทุกคนกล้าแสดงออกแบบไม่สนใจเสียงต่อต้าน ทำให้ เลดี้ กาก้า ครองใจคนรุ่นใหม่ โดยเฉพาะกลุ่มเพศทางเลือก การเดินทางไปชมการแสดงของคณะ Calypso Cabaret พร้อมกับชื่นชมและทักทายนักแสดงอย่างเป็นกันเอง ยืนยันถึงจุดยืนของศิลปินสาวผู้นี้ และทำให้แฟนเพลงกลุ่มนี้เป็นฐาน
รวมไปถึงการแต่งตัวด้วยแฟชั่นหลุดโลกทุกครั้งเมื่อปรากฏตัวต่อสาธารณะ ทำให้นิตยสารไทม์ยกให้เธอเป็น 1 ในร้อยผู้มีอิทธิพลในวงการแฟชั่นตลอดกาล ไม่ได้เกิดจากความชื่นชอบในการแต่งตัว หรือแสดงถึงความเป็นเลิศทางด้านการออกแบบแฟชั่นเท่านั้น แต่ยังเป็นความตั้งใจให้โลกต้องพูดถึงในทุกครั้งที่เห็นเธอทั้งเรื่องดนตรี และแฟชั่น
ความสำเร็จของเลดี้ กาก้า ถูกจับตาในฐานะนักบริหารชั้นนำ ผู้สามารถสร้างภาพลักษณ์ของตัวเองให้เป็นที่จดจำ และใช้ชื่อเสียงความดังสร้างฐานแฟนเพลงและผู้ติดตามทั่วโลก โดยใช้ช่องทางการสื่อสารทุกรูปแบบ โดยเฉพาะสื่อทางโลกออนไลน์ ทั้งบนทวิตเตอร์ที่มีผู้ติดตามมากที่สุดในโลกกว่า 24 ล้านคน และทางเฟซบุ๊กอีกกว่า 50 ล้านคน ทำให้เกิด "ลิตเติ้ล มอนสเตอร์" หรือเหล่าสากวกของเลดี้ กาก้าไปทั่วโลก ยังรวมถึงการเป็นกระบอกเสียงให้กับคนกลุ่มน้อยของสังคม ทั้งการแต่งเพลง Americano เพื่อเรียกร้องสิทธิของแรงงานต่างด้าวในสหรัฐฯ ก่อตั้งมูลนิธิ Born This Way Foundation เพื่อช่วยเหลือเยาวชนที่ตกเป็นเหยื่อการโดนรังแก และการเป็นแนวร่วมในการสนับสนุนสิทธิให้กับกลุ่มเพศทางเลือกอย่างต่อเนื่อง
Born This Way Ball เป็นการทัวร์เอเชียครั้งแรกของเลดี้ กาก้า สร้างความฮือฮาในหลายประเทศที่เปิดการแสดง ด้วยฉากหลังที่สร้างคล้ายปราสาทเพิ่มความหลากหลายให้กับพื้นที่การแสดง ลูกเล่นทั้งเลเซอร์และระบบไฮดรอลิคสร้างสีสันให้กับการแสดงทั้ง 23 เพลงในคอนเสิร์ต นอกจากความสามารถในการโชว์ทั้งร้อง เต้น และเล่นดนตรีของเลดี้ กาก้าแล้ว การสื่อสารกับแฟนเพลงอยู่เสมอ รวมทั้งการนำชฎาของแฟนคลับมาใส่ระหว่างร้องเพลง Hair ทำให้นักร้องสาวเข้าถึงใจแฟนเพลง และยกให้เป็นศิลปินในดวงใจในวันนี้