มติ ครม. เห็นชอบร่างกรอบทีโออาร์ สร้างพื้นฐานระบบจัดการน้ำวงเงิน 3.5 แสนล้าน
ที่ประชุมคณะรัฐมนตรีได้มีมติเห็นชอบร่างกรอบทีโออาร์ ในการเปิดโอกาสให้บริษัทเอกชนทั้งใน เเละ ต่างประเทศเข้ามาดำเนินการโครงสร้างพื้นฐานระบบบริหารจัดการน้ำวงเงิน 3.5 แสนล้านบาท โดยจะเริ่มเชิญชวนบริษัทเอกชนเข้ามาร่วมเสนอโครงการ หลังจากนั้นจะพิจารณาคัดเลือกให้เหลือ 3 กลุ่มบริษัท เเละ ให้เวลา 3 เดือนรวบรวมข้อมูล และจัดทำเเผนในระบบเช่น เรื่องเทคโนโลยีสื่อสาร การร่างกฎหมาย การชลประทาน และ การเตือนภัย โดยจะเริ่มต้นก่อสร้างในช่วงต้นปี 2556 โดยจะไม่กระทบกับโครงการก่อสร้างที่ดำเนินการไปเเล้วในปีนี้
ขณะที่นายกรัฐมนตรีแสดงความกังวลต่อปัญหาการจ่ายเงินเยียวยาผู้ประสบภัยน้ำท่วมที่ไม่เท่าเทียมกัน โดยกำชับให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องทำงานบูรณาการร่วมกัน และให้ทางจังหวัดจ่ายเงินเยียวยาผ่านธนาคารออมสิน เพื่อไม่ให้มีปัญหาการทุจริต และมีการปิดถนน โดยให้กระทรวงมหาดไทยเป็นศูนย์กลางใประสานการแก้ไขปัญหา และต้องไม่ให้มีเรื่องการเมืองเข้ามาแทรกแซงการจ่ายเงืนเยียวยาจนมีปัญหาเกิดขึ้น
ทั้งนี้ หลังการประชุมคณะนายกรัฐมนตรี นายกรัฐมนตรี เดินทางไป อ.พรหมบุรี จ.สิงห์บุรี เพื่อตรวจเยี่ยมพื้นที่รับน้ำ และ การระบายน้ำ หลังจากนั้นจะเดินทางไปจังหวัดชัยนาทเพื่อตรวจความก้าวหน้าการขุดลอกแม่น้ำเจ้าพระยา ช่วงสิงห์บุรี-ชัยนาท ที่ เขื่อนเจ้าพระยา พร้อมฟังการบรรยายสรุปการบริหารของระบบน้ำทั่วประเทศ
ขณะที่นายจำลอง โพธิ์สุข ผู้ว่าราชการจังหวัดชัยนาท เปิดเผยถึงปัญหาตะกอนทรายในแม่น้ำเจ้าพระยาที่มีเป็นจำนวนมาก ช่วงตั้งแต่สะพานข้ามแม่น้ำเจ้าพระยาในอำเภอสรรพยาลงไป พอระดับน้ำลดจะมีต้นไม้ขึ้นเต็มสันดอนทราย ซึ่งหากน้ำมาจะเป็นปัญหาใหญ่ในการขัดขวางการไหลของน้ำซึ่งทำให้เกิดปัญหาอุทกภัยตามมา โดยจะนำเรื่องนี้เสนอต่อนายกรัฐมนตรีเพื่อขุดลอกสันดอนทรายพื้นที่ท้ายเขื่อนเจ้าพระยาต่อไป