น้ำท่วมสุโขทัย คลี่คลายแล้ว

สถานการณ์น้ำท่วมในตัวเมือง จ.สุโขทัย ได้กลับเข้าสู่ปกติแล้ว แต่มีบางพื้นที่ใน อ.เมือง ที่น้ำยังท่วมขังจากพนังกั้นน้ำแตก

สถานการณ์น้ำท่วมในตัวเมือง จ.สุโขทัย ได้กลับเข้าสู่ปกติแล้ว แต่มีบางพื้นที่ใน อ.เมือง ที่น้ำยังท่วมขังจากการที่พนังกั้นน้ำแตกก่อนหน้านี้ ทั้งที่ ต.ยางซ้ายและ ต.ปากพระ โดยทหารกองทัพภาคที่ 3 ได้เข้าไปขุดลอกคลอง พร้อมเข้าไปเสริมความแข็งแรงของคันดินแม่น้ำยม เนื่องจากเป็นจุดเสี่ยงหากน้ำเหนือไหลมาสมทบอาจพังลงได้อีก

ส่วนที่ อ.บางระกำ จังหวัดพิษณุโลก คันดินคลองปลายนา ใน ต.ชุมแสงสงคราม ถูกน้ำกัดเซาะพังทำให้น้ำไหลเข้าท่วมนาข้าวของชาวบ้านเป็นบริเวณกว้าง ทำให้ชาวนาต้องเร่งเกี่ยวข้าวขึ้นมาจากน้ำ

สำหรับการระบายน้ำของเขื่อนเจ้าพระยา จ.ชัยนาท ยังอยู่ที่จำนวน 885 ลบ.ซม./วินาที โดยเขื่อนยังสามารถรับปริมาณน้ำได้อีก แต่ก็ยังคงมีการเฝ้าระวังสถานการณ์น้ำในแม่น้ำเจ้าพระยาในจังหวัดอ่างทองอย่างใกล้ชิด

ส่วนเหตุการณ์น้ำท่วมภาคใต้ ตั้งแต่วันที่ 27 พ.ค. ที่ผ่านมา สำนักงานป้องกันบรรเทาสาธารณภัย จ.พังงา ได้สรุปความเสียหายรวมผู้เสียชีวิต 2 คน บาดเจ็บ 2 คน ถนนเสียหาย 129 เส้นทาง ประชาชนเดือดร้อน กว่า 230,000 คน หรือ กว่า 6,500 ครัวเรือน

ส่วนการลงพื้นที่ติดตามการบริหารจัดการน้ำในวันสุดท้าย น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ได้แถลงความคืบหน้าโครงการป้องกันน้ำท่วมทั่วประเทศที่มีมากกว่าร้อยละ 60-70 โดยส่วนใหญ่เป็นโครงการในพื้นที่กลางน้ำและปลายน้ำ ส่วนในพื้นที่ต้นน้ำ ยังมีโครงการก่อสร้างที่ล่าช้าในหลายพื้นที่ โดยได้สั่งการหน่วยงานต่างๆ และกองทัพสนับสนุนอุปกรณ์เครื่องมือเต็มที่เพื่อให้ทันตามกำหนดเวลา

ทั้งนี้ยังไม่สามารถระบุได้ว่าในปีนี้น้ำจะไม่มีการท่วมขัง เนื่องจากยังมีกรณีจากภัยธรรมชาติ และปริมาณน้ำฝนจากพายุที่อาจจะเข้ามา ซึ่งไม่สามารถประเมินสถานการณ์ได้ แต่เชื่อว่าน้ำในปีนี้จะไม่วิกฤติรุนแรงเหมือนปีที่แล้วอย่างแน่นอน

นายกรัฐมนตรี ย้ำถึงความรับผิดชอบของทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องต่อการแก้ไขปัญหาน้ำท่วม โดยยังไม่สามารถประเมินได้ว่าน้ำจะไม่ท่วมขังในปีนี้ แต่ยืนยันได้ว่าสถานการณ์น้ำจะไม่วิกฤติเหมือนกับปีที่แล้ว ขณะที่สถานการณ์น้ำท่วมในจังหวัดภาคเหนือเริ่มกลับเข้าสู่ปกติแล้ว