ความโหยหาสถานที่ ซึ่งรู้สึกว่าเป็นส่วนหนึ่งในสังคม หวังให้ใครสักคนจดจำเมื่อเวลาผ่านไป สะท้อนผ่าน บีม นักกีฬาบาสเกตบอลที่ต้องย้ายสถานที่เรียนบ่อยๆ ความรู้สึกเปล่าเปลี่ยว หวนให้คิดถึงความอบอุ่นของครอบครัว และที่ที่จากมา คือสิ่งที่ชูเกียรติ ศักดิ์วีระกุล รู้สึกเช่นเดียวกับตัวละครที่เขาสร้างขึ้น ยามที่เขาต้องเดินทางไกลบ้าน นำมาบอกเล่าผ่านนิทรรศการภาพถ่าย Homeless ของผู้กำกับภาพยนตร์ชูเกียรติ ศักดิ์วีระกุล ไม่เพียงช่วยให้คนดูเข้าใจเรื่องราวของตัวละครที่เกิดขึ้นหลังจากภาพยนตร์จบ แต่ยังสะท้อนความรู้สึกที่ผู้กำกับ และตัวละครมีร่วมกัน
ชูเกียรติ ศักดิ์วีระกุล ผู้กำกับภาพยนตร์ กล่าวว่า ตรงนี้เป็นส่วนต่อยอดมาจาก Home มันจะ complete กันในส่วนของภาพนิ่ง คือเรียนด้านภาพนิ่ง และภาพยนตร์ 2 ศาสตร์มีความเกี่ยวพันกันอยู่ ภาพนิ่งมันมีพลังของมันอยู่ งานชิ้นนี้จะได้แสดงพลังภาพนิ่งของมา ซึ่งตัวละครหนึ่งใน Home ก็มีคนนึงเป็นช่างภาพ
ภาพชีวิตส่วนตัว และบางภาพก็สวมเสื้อผ้าน้อยชิ้นที่เคยปรากฏเป็นข่าวตามสื่อ สร้างความเข้าใจผิดในโลกโซเชียลเน็ตเวิร์ค เหล่านี้ล้วนเป็นส่วนหนึ่งของนิทรรศการภาพถ่ายที่ผู้กำกับภาพยนตร์ตั้งใจให้เป็นกระจกสะท้อนสัญชาตญาณ และภาวะจิตใจของมนุษย์ สอดคล้องกับภาพยนตร์อีกแนวที่สร้างชื่อให้ผู้กำกับคนนี้ เช่น คน ผี ปีศาจ และ 13 เกมสยอง
ชูเกียรติ กล่าวอีกว่า อีกด้านหนึ่ง คือด้านที่เราเป็นมนุษย์ปุถุชน มีรัก โลภ โกรธ หลง มีตัณหาราคะ มันเป็นสิ่งที่มนุษย์ทุกคนจะพึงมี ก็จะนำมาบอกเล่า มาแชร์ ว่าด้านมืด มันทำให้เรามีความทุกข์ ความเศร้า ด้านสว่าง มันทำให้เรามีความสุข สมหวัง
นิทรรศการภาพถ่าย Homeless เป็นครั้งแรกที่ชูเกียรติ ศักดิวีระกุล ใช้ความสามารถในการถ่ายภาพนิ่งบอกเล่าเรื่องราวภาคต่อจากภาพยนตร์ นิทรรศการภาพถ่าย Homeless จัดถึงวันที่ 8 กรกฎาคม ที่หอภาพยนตร์ ศาลายา
