ผู้ป่วยโรคถุงลมโป่งพอง มักประสบปัญหาเรื่องการแลกเปลี่ยนแก๊สในปอด เกิดอาการเหนื่อยง่าย และมีความยากลำบากในการรับประทานอาหาร ซึ่งอาจนำไปสู่ภาวะทุพโภชนาการได้ การดูแลเรื่องโภชนาการ จึงเป็นสิ่งสำคัญสำหรับผู้ป่วยโรคถุงลมโป่งพอง เพื่อให้ร่างกายได้รับสารอาหารครบถ้วน และช่วยลดความรุนแรงของโรค
การระบุผู้ป่วยที่มีความเสี่ยงต่อภาวะทุพโภชนาการเป็นขั้นตอนแรกที่สำคัญ โดยอาจสังเกตจากน้ำหนักตัวที่ลดลง, การเบื่ออาหาร, อาการอ่อนเพลีย หรือการบวม เป็นต้น หากพบว่ามีความเสี่ยง ควรเร่งดำเนินการแก้ไขเพื่อป้องกันภาวะแทรกซ้อนที่อาจเกิดขึ้น
ผู้ป่วยโรคถุงลมโป่งพอง มักพบปัญหาเรื่องกระบวนการอักเสบและภาวะเครียดออกซิเดชัน ดังนั้น การเลือกรับประทานอาหารดีต่อสุขภาพผู้ป่วยโรคถุงลมโป่งพอง จึงเป็นสิ่งสำคัญ โดยควรให้ความสำคัญกับกลุ่มวิตามินและแร่ธาตุ เช่น วิตามินเอ, เบต้าแคโรทีน, วิตามินซี, วิตามินอี, วิตามินดี, ซีลีเนียม และสังกะสี เพื่อช่วยลดการอักเสบและเสริมความแข็งแรงให้ร่างกาย
นอกจากนี้ ควรเน้นรับประทานอาหารที่ให้พลังงานและโปรตีนสูง เช่น ข้าวกล้อง ธัญพืช ถั่ว เนื้อสัตว์ ไข่ นม และนมถั่วเหลือง เพื่อให้ร่างกายได้รับสารอาหารครบถ้วน และช่วยป้องกันภาวะทุพโภชนาการ ในขณะเดียวกัน ควรลดปริมาณคาร์โบไฮเดรตและหลีกเลี่ยงไขมันอิ่มตัว เพื่อไม่ให้เกิดปัญหาเพิ่มเติมต่อปอด
แม้ว่าญาติมักแนะนำให้ผู้ป่วยรับประทานอาหารอ่อน ๆ เช่น ข้าวต้ม โจ๊ก เพื่อให้ย่อยง่าย แต่อาหารเหล่านี้มักให้พลังงานและโปรตีนต่ำ ดังนั้น แนะนำให้ผู้ป่วยรับประทานอาหารปกติ แต่อาจเพิ่มเมนูที่มีโปรตีนสูง เช่น ไข่ เนื้อสัตว์ นม หรือนมถั่วเหลือง เพื่อให้ร่างกายได้รับสารอาหารที่เพียงพอ
โดยรวมแล้ว การให้ความสำคัญกับโภชนาการที่ดีจะช่วยส่งเสริมสุขภาพและคุณภาพชีวิตของผู้ป่วยโรคถุงลมโป่งพอง ได้เป็นอย่างดี ทั้งในด้านการลดอาการเหนื่อยและการป้องกันภาวะทุพโภชนาการ
ชมย้อนหลังรายการคนสู้โรคได้ที่ www.thaipbs.or.th/KonSuRoak
ผู้ป่วยโรคถุงลมโป่งพอง มักประสบปัญหาเรื่องการแลกเปลี่ยนแก๊สในปอด เกิดอาการเหนื่อยง่าย และมีความยากลำบากในการรับประทานอาหาร ซึ่งอาจนำไปสู่ภาวะทุพโภชนาการได้ การดูแลเรื่องโภชนาการ จึงเป็นสิ่งสำคัญสำหรับผู้ป่วยโรคถุงลมโป่งพอง เพื่อให้ร่างกายได้รับสารอาหารครบถ้วน และช่วยลดความรุนแรงของโรค
การระบุผู้ป่วยที่มีความเสี่ยงต่อภาวะทุพโภชนาการเป็นขั้นตอนแรกที่สำคัญ โดยอาจสังเกตจากน้ำหนักตัวที่ลดลง, การเบื่ออาหาร, อาการอ่อนเพลีย หรือการบวม เป็นต้น หากพบว่ามีความเสี่ยง ควรเร่งดำเนินการแก้ไขเพื่อป้องกันภาวะแทรกซ้อนที่อาจเกิดขึ้น
ผู้ป่วยโรคถุงลมโป่งพอง มักพบปัญหาเรื่องกระบวนการอักเสบและภาวะเครียดออกซิเดชัน ดังนั้น การเลือกรับประทานอาหารดีต่อสุขภาพผู้ป่วยโรคถุงลมโป่งพอง จึงเป็นสิ่งสำคัญ โดยควรให้ความสำคัญกับกลุ่มวิตามินและแร่ธาตุ เช่น วิตามินเอ, เบต้าแคโรทีน, วิตามินซี, วิตามินอี, วิตามินดี, ซีลีเนียม และสังกะสี เพื่อช่วยลดการอักเสบและเสริมความแข็งแรงให้ร่างกาย
นอกจากนี้ ควรเน้นรับประทานอาหารที่ให้พลังงานและโปรตีนสูง เช่น ข้าวกล้อง ธัญพืช ถั่ว เนื้อสัตว์ ไข่ นม และนมถั่วเหลือง เพื่อให้ร่างกายได้รับสารอาหารครบถ้วน และช่วยป้องกันภาวะทุพโภชนาการ ในขณะเดียวกัน ควรลดปริมาณคาร์โบไฮเดรตและหลีกเลี่ยงไขมันอิ่มตัว เพื่อไม่ให้เกิดปัญหาเพิ่มเติมต่อปอด
แม้ว่าญาติมักแนะนำให้ผู้ป่วยรับประทานอาหารอ่อน ๆ เช่น ข้าวต้ม โจ๊ก เพื่อให้ย่อยง่าย แต่อาหารเหล่านี้มักให้พลังงานและโปรตีนต่ำ ดังนั้น แนะนำให้ผู้ป่วยรับประทานอาหารปกติ แต่อาจเพิ่มเมนูที่มีโปรตีนสูง เช่น ไข่ เนื้อสัตว์ นม หรือนมถั่วเหลือง เพื่อให้ร่างกายได้รับสารอาหารที่เพียงพอ
โดยรวมแล้ว การให้ความสำคัญกับโภชนาการที่ดีจะช่วยส่งเสริมสุขภาพและคุณภาพชีวิตของผู้ป่วยโรคถุงลมโป่งพอง ได้เป็นอย่างดี ทั้งในด้านการลดอาการเหนื่อยและการป้องกันภาวะทุพโภชนาการ
ชมย้อนหลังรายการคนสู้โรคได้ที่ www.thaipbs.or.th/KonSuRoak