บ้านทับทิมสยาม 05 เป็นหมู่บ้านอยู่ติดกับชายแดนไทย - กัมพูชา รายล้อมไปด้วยภูเขา ที่นี่แตกต่างจากหมู่บ้านอื่น ๆ เพราะเป็นหมู่บ้านพื้นที่จัดสรรเพื่อให้ประชาชนมีพื้นที่ทำกิน ทำให้แผนผังของหมู่บ้านถูกจัดระเบียบ มีการจัดสรรพื้นที่อยู่อาศัยและพื้นที่ทำกินแยกกันเป็นสัดส่วน แต่ละครอบครัวได้รับมอบพื้นที่อยู่อาศัยพร้อมบ้าน ครอบครัวละ 1 หลังใน เนื้อที่ 100 ตารางวา หรือ 400 ตารางเมตรและพื้นที่ทำกินเริ่มต้นจาก 10 ไร่ นอกจากนี้ยังมีพื้นที่เกษตรส่วนกลาง ปัจจุบันมี 156 ครัวเรือน มาจาก 38 จังหวัดทั่วประเทศ
ในระยะเริ่มต้นพื้นที่ตรงนี้เคยเป็นป่ารกร้างว่างเปล่า ไม่ค่อยมีคนต้องการมาอยู่อาศัย เนื่องจากมีการต่อสู้ในประเทศเพื่อนบ้านอยู่บ่อยครั้ง ในหมู่บ้านจึงมีบังเกอร์ไว้หลบภัยอยู่ทั่วไป ปัจจุบันหมู่บ้านทับทิมสยาม 05 มีทัศนยภาพที่งดงามชาวบ้านทุกครัวเรือนมีพื้นที่ทำกิน และแม้คนที่นี่จะมาจากต่างที่ต่างถิ่นกัน แต่ความสัมพันธ์ของคนในชุมชนไม่มีปัญหามีแต่ควาเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่รักใคร่สามัคคี
ทรัพยากรรอบหมู่บ้านทับทิมสยาม 05 มีอยู่มากมายสำหรับคนขยันอย่าง น้าแจ๋ว - น้ำค้าง ยมเพชร และ น้านันท์ - อนันท์ พลอาจ รู้เรื่องนี้เป็นอย่างดี ทั้งสองคนนี้เพื่อนรักที่ตัวติดกันทุกวัน เป็นคู่หูคู่ซี้ที่ช่วยเหลือกันในชีวิตประจำวันและเรื่องทำมาหากิน โดยเฉพาะอย่างยิ่งเรื่องการหากินตามป่า ไม่ว่าจะเป็นยอดหวาย หอยหอม ผักกูด ผักหนาม เพื่อมาขายที่ตลาดชายแดนที่ชื่อ "ศรีเพ็ญ"
"ยอดหวายอ่อน" สินค้าราคาดีและรสชาติอร่อย การหายอดหวายนั้นต้องเดินเข้าไปในป่า พร้อมอุปกรณ์ตัดหวายอย่างพร้าที่ต่อด้ามยาวประมาณสองเมตร เหตุที่ต้องต่อด้ามให้ยาวขึ้นเพราะหวายเป็นพืชที่อาศัยแสงแดดในการเจริญเติบโต ยอดหวายจึงมักอยู่ที่สูง การตัดหวายต้องอาศัยความชำนาญเพราะหวายมีหนามทั้งที่ต้นและมีมือหนามที่เกาะเกี่ยวต้นไม้อื่น ถ้าไม่ระวังจะทำให้เจ็บตัวได้ กว่าจะได้ยอดหวายแต่ละยอดไม่ใช่เรื่องง่าย ๆ น้านันท์จะมีหน้าที่เกี่ยวและตัดยอดในขณะที่น้าแจ๋วจะเป็นคนดูบอกทิศทางในการตัดหวาย เมื่อได้เยอะพอก็จะเอาใส่กระสอบแบกกันออกมาใส่รถซึ่งจอดเอาไว้ริมทาง การหายอดหวายนั้นเป็นการพิสูจน์ใจของเพื่อทั้งคู่ เพราะต้องเดินไปคู่กัน ต้องทำงานกันอย่างเข้าใจ แม้น้าแจ๋วกลัวการหลงป่า แต่ก็เชื่อมั่นน้านันท์ ที่เก่งในเรื่องนี้ เพราะฉะนั้นทั้งคู่จึงไม่เคยขาดกันเวลาที่ต้องเข้าป่าหายอดหวาย ในแต่ละวันอาจเจอยอดหวายมากบ้างน้อยบ้างแล้วแต่พื้นที่ หากได้มากก็มีขายเยอะ มากกว่านั้นยังสามารถเอามาแกงป่ายอดหวาย แกงหากินยากของคนในพื้นที่ที่มักจะรอคอยสองคนนี้แกงมาให้กิน
"หอยหอม" หอยที่ฝังตัวในดิน และซุกตัวหลบใต้กอหญ้า หอยชนิดนี้มักจะมาพร้อมกับฝนที่ตก เวลาออกไปหา เข้าป่าไม่ลึกมาก แต่ต้องคอยสังเกตที่พื้นดินว่ามีอยู่หรือเปล่า คนเก็บก็จะก้ม ๆ เงย ๆ มองดิน ถึงจะเจอหอยชนิดนี้เอามาแกงได้หลากหลายประเภท เป็นที่นิยมของคนในพื้นที่
"ผักหนาม" เป็นผักที่ขึ้นอยู่ริมน้ำ ตัวก้านจะมีหนามอ่อน ๆ ติดอยู่แต่ไม่อันตราย คนเก็บก็ต้องลงไปริมน้ำ บางครั้งก็อาจจะต้องลอยตัว เพื่อที่จะหักเอายอดอ่อน
ทุก ๆ วันชาวบ้านจะเห็นน้านันท์และน้าแจ๋วชวนกันออกไปหาของป่า เพราะนอกจากจะหาเงินได้แล้วทั้งคู่ถือว่าการเข้าป่าคือการพักผ่อนคลายเครียดอีกด้วย
บ้านทับทิมสยาม 05 เป็นแหล่งปลูกพืชสมุนไพรชั้นดี ถือว่าเป็นอาชีพหลักของคนในหมู่บ้าน มีแปลงสมุนไพรที่ปลูกและมีบริษัทคอยรับซื้อ สร้างรายได้ให้กับชาวบ้าน
ติดตามในรายการซีรีส์วิถีคน วันจันทร์ที่ 26 ธันวาคม 2565 เวลา 17.30 - 18.00 น. ทางไทยพีบีเอส รับชมออนไลน์ทาง www.thaipbs.or.th/Live
บ้านทับทิมสยาม 05 เป็นหมู่บ้านอยู่ติดกับชายแดนไทย - กัมพูชา รายล้อมไปด้วยภูเขา ที่นี่แตกต่างจากหมู่บ้านอื่น ๆ เพราะเป็นหมู่บ้านพื้นที่จัดสรรเพื่อให้ประชาชนมีพื้นที่ทำกิน ทำให้แผนผังของหมู่บ้านถูกจัดระเบียบ มีการจัดสรรพื้นที่อยู่อาศัยและพื้นที่ทำกินแยกกันเป็นสัดส่วน แต่ละครอบครัวได้รับมอบพื้นที่อยู่อาศัยพร้อมบ้าน ครอบครัวละ 1 หลังใน เนื้อที่ 100 ตารางวา หรือ 400 ตารางเมตรและพื้นที่ทำกินเริ่มต้นจาก 10 ไร่ นอกจากนี้ยังมีพื้นที่เกษตรส่วนกลาง ปัจจุบันมี 156 ครัวเรือน มาจาก 38 จังหวัดทั่วประเทศ
ในระยะเริ่มต้นพื้นที่ตรงนี้เคยเป็นป่ารกร้างว่างเปล่า ไม่ค่อยมีคนต้องการมาอยู่อาศัย เนื่องจากมีการต่อสู้ในประเทศเพื่อนบ้านอยู่บ่อยครั้ง ในหมู่บ้านจึงมีบังเกอร์ไว้หลบภัยอยู่ทั่วไป ปัจจุบันหมู่บ้านทับทิมสยาม 05 มีทัศนยภาพที่งดงามชาวบ้านทุกครัวเรือนมีพื้นที่ทำกิน และแม้คนที่นี่จะมาจากต่างที่ต่างถิ่นกัน แต่ความสัมพันธ์ของคนในชุมชนไม่มีปัญหามีแต่ควาเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่รักใคร่สามัคคี
ทรัพยากรรอบหมู่บ้านทับทิมสยาม 05 มีอยู่มากมายสำหรับคนขยันอย่าง น้าแจ๋ว - น้ำค้าง ยมเพชร และ น้านันท์ - อนันท์ พลอาจ รู้เรื่องนี้เป็นอย่างดี ทั้งสองคนนี้เพื่อนรักที่ตัวติดกันทุกวัน เป็นคู่หูคู่ซี้ที่ช่วยเหลือกันในชีวิตประจำวันและเรื่องทำมาหากิน โดยเฉพาะอย่างยิ่งเรื่องการหากินตามป่า ไม่ว่าจะเป็นยอดหวาย หอยหอม ผักกูด ผักหนาม เพื่อมาขายที่ตลาดชายแดนที่ชื่อ "ศรีเพ็ญ"
"ยอดหวายอ่อน" สินค้าราคาดีและรสชาติอร่อย การหายอดหวายนั้นต้องเดินเข้าไปในป่า พร้อมอุปกรณ์ตัดหวายอย่างพร้าที่ต่อด้ามยาวประมาณสองเมตร เหตุที่ต้องต่อด้ามให้ยาวขึ้นเพราะหวายเป็นพืชที่อาศัยแสงแดดในการเจริญเติบโต ยอดหวายจึงมักอยู่ที่สูง การตัดหวายต้องอาศัยความชำนาญเพราะหวายมีหนามทั้งที่ต้นและมีมือหนามที่เกาะเกี่ยวต้นไม้อื่น ถ้าไม่ระวังจะทำให้เจ็บตัวได้ กว่าจะได้ยอดหวายแต่ละยอดไม่ใช่เรื่องง่าย ๆ น้านันท์จะมีหน้าที่เกี่ยวและตัดยอดในขณะที่น้าแจ๋วจะเป็นคนดูบอกทิศทางในการตัดหวาย เมื่อได้เยอะพอก็จะเอาใส่กระสอบแบกกันออกมาใส่รถซึ่งจอดเอาไว้ริมทาง การหายอดหวายนั้นเป็นการพิสูจน์ใจของเพื่อทั้งคู่ เพราะต้องเดินไปคู่กัน ต้องทำงานกันอย่างเข้าใจ แม้น้าแจ๋วกลัวการหลงป่า แต่ก็เชื่อมั่นน้านันท์ ที่เก่งในเรื่องนี้ เพราะฉะนั้นทั้งคู่จึงไม่เคยขาดกันเวลาที่ต้องเข้าป่าหายอดหวาย ในแต่ละวันอาจเจอยอดหวายมากบ้างน้อยบ้างแล้วแต่พื้นที่ หากได้มากก็มีขายเยอะ มากกว่านั้นยังสามารถเอามาแกงป่ายอดหวาย แกงหากินยากของคนในพื้นที่ที่มักจะรอคอยสองคนนี้แกงมาให้กิน
"หอยหอม" หอยที่ฝังตัวในดิน และซุกตัวหลบใต้กอหญ้า หอยชนิดนี้มักจะมาพร้อมกับฝนที่ตก เวลาออกไปหา เข้าป่าไม่ลึกมาก แต่ต้องคอยสังเกตที่พื้นดินว่ามีอยู่หรือเปล่า คนเก็บก็จะก้ม ๆ เงย ๆ มองดิน ถึงจะเจอหอยชนิดนี้เอามาแกงได้หลากหลายประเภท เป็นที่นิยมของคนในพื้นที่
"ผักหนาม" เป็นผักที่ขึ้นอยู่ริมน้ำ ตัวก้านจะมีหนามอ่อน ๆ ติดอยู่แต่ไม่อันตราย คนเก็บก็ต้องลงไปริมน้ำ บางครั้งก็อาจจะต้องลอยตัว เพื่อที่จะหักเอายอดอ่อน
ทุก ๆ วันชาวบ้านจะเห็นน้านันท์และน้าแจ๋วชวนกันออกไปหาของป่า เพราะนอกจากจะหาเงินได้แล้วทั้งคู่ถือว่าการเข้าป่าคือการพักผ่อนคลายเครียดอีกด้วย
บ้านทับทิมสยาม 05 เป็นแหล่งปลูกพืชสมุนไพรชั้นดี ถือว่าเป็นอาชีพหลักของคนในหมู่บ้าน มีแปลงสมุนไพรที่ปลูกและมีบริษัทคอยรับซื้อ สร้างรายได้ให้กับชาวบ้าน
ติดตามในรายการซีรีส์วิถีคน วันจันทร์ที่ 26 ธันวาคม 2565 เวลา 17.30 - 18.00 น. ทางไทยพีบีเอส รับชมออนไลน์ทาง www.thaipbs.or.th/Live