วันนี้ (6 พ.ย. 67) ม.ล.กรกสิวัฒน์ เกษมศรี กรรมการบริหารพรรคพลังประชารัฐ เตือนรัฐบาลไทยต้องระวัง #MOU44 ระหว่าง #ไทย #กัมพูชา โดยเฉพาะหลักฐานจากการแบ่งปันผลประโยชน์ เมื่อใดขุดน้ำมันได้และมีการแบ่งเงินกันคนละ 50% จะเป็นหลักฐานในอีก 30-40 ปีข้างหน้าที่น้ำมันหมดไปให้ศาลโลก
วันนี้ (5 พ.ย. 67) นายคำนูณ สิทธิสมาน อดีตสมาชิกวุฒิสภา ตั้งข้อสังเกต MOU44 ระหว่างไทย-กัมพูชา แม้รัฐบาล นำโดย น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกฯ จะออกมายืนยันว่า เกาะกูดเป็นของไทย แต่นายคำนูญก็สงสัยว่าแล้วพื้นที่ทางทะเลรอบเกาะกูดเป็นของไทยด้วยหรือไม่ เพราะมองว่าไทยควรต้องเป็นเจ้าของด้วย นายคำนูณยังตั้งข้อสงสัยการไปยอมรับเส้นเขตแบ่งปันผลประโยชน์ไทย-กัมพูชา ใต้เส้น 11 องศา ไปทางตะวันตก ใน #MOU44 ซึ่งมีพื้นที่กว้างมาก การยอมรับดังกล่าวอาจทำให้ไทยเสียผลประโยชน์ในอนาคต กรณีหากรุ่นลูกหลานจะเจรจาเขตแดน แต่พบว่ารุ่นบรรพบุรุษไปยอมรับเขตแบ่งปันผลประโยชน์แล้ว
ปมปัญหาเรื่องเกาะกูด หากไม่นับในสื่อออนไลน์ที่เริ่มพูดถึงกันมาสักพัก ยังถูกกล่าวถึงอย่างชัดเจน ในการแถลงข่าวของพรรคพลังประชารัฐสัปดาห์ก่อน ในวันที่โยนระเบิดปมคดีดิไอคอนกลับไปยังพรรคเพื่อไทย พวกเขายังพ่วงเรื่องอำนาจอธิไตยทางทะเล เกาะกูด และพื้นที่ทับซ้อนขึ้นมา จนนำไปสู่กระแสวิจารณ์กว้างขวางมากขึ้น หลังการประชุมนัดพิเศษเมื่อช่วงบ่ายวานนี้ (4 พ.ย. 67) นายกฯ แพทองธาร ชินวัตร ยืนยันว่า ใน MOU 44 ไม่มีอะไรเกี่ยวกับเกาะกูด ไม่ได้เป็นการถกเถียงเรื่องเกาะกูด
กรณี MOU44 ระหว่างรัฐบาลไทย-กัมพูชา เมื่อปี 2544 ที่ขณะนี้หลายฝ่ายกังวลว่าอาจทำให้ไทยเสียดินแดนบริเวณเกาะกูดหรือไม่ เพราะกัมพูชาลากเส้นเขตแดนทับเกาะกูด รศ. ปณิธาน วัฒนายากร นักวิชาการด้านความมั่นคงและการต่างประเทศ มองว่าเรื่องนี้มีความล่อแหลม ไทยมีมุมที่ได้เปรียบและเสียเปรียบ จึงต้องระมัดระวังอย่างยิ่ง เพื่อไม่ให้ซ้ำรอยกรณีเขาพระวิหาร แต่สำคัญที่สุดคือ ทั้ง 2 ประเทศควรเดินหน้าร่วมกันพัฒนาเรื่องพลังงาน