นักวิชาการรัฐศาสตร์ ระบุ
ช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา พรรคเพื่อไทย เปิดประชุมใหญ่วิสามัญเพื่อเลือกคณะผู้บริหารพรรคชุดใหม่ 19 คน พร้อมกับการปรับ ครม.ยิ่งลักษณ์ 3 ซึ่งมีรัฐมนตรีใหม่ถึง 23 คนใน 24 ตำแหน่ง รศ.วุฒิสาร ตันไชย รองเลขาธิการสถาบันพระปกเกล้า นักวิชาการด้านรัฐศาสตร์ ระบุว่า แม้จะเป็นการเปลี่ยนผ่านตามกฎหมาย แต่ผลในทางปฏิบัติไม่สามารถปฏิเสธได้ว่า เกิดความขัดแย้งขึ้น แต่ก็เชื่อว่า ท้ายที่สุดจะสามารถกลับมาทำความเข้าใจต่อกันได้ เพราะปัจจัยที่เกี่ยวข้องเกิดขึ้นจากภายในพรรคและภายในรัฐบาล ดังนั้นระบบจะสามารถคลี่คลายปัญหาได้
รองศาสตราจารย์วุฒิสภา ยืนยันว่า ระบบรัฐสภาจะต้องตอบสนองต่อประชาชนได้ หากกลไกไม่ทำงาน หรือทำหน้าที่ไม่ได้อย่างสมบูรณ์ ย่อมส่งผลให้การเมืองภาคประชาชนต้องออกมาแสดงบทบาท และด้วยเหตุผลที่ต้องให้ความสำคัญกับระบบและกลไกการเมืองที่มีอยู่ ในวันที่ 8-10 พฤศจิกายนนี้ สถาบันพระปกเกล้า เตรียมจัดประชุมเชิงวิชาการ ภายใต้หัวข้อ"การปฏิรูปรัฐสภา"ขี้น เพื่อเปิดมุมมองเชิงเปรียบเทียบและนำเสนอผลงานทางวิชาการ
สำนักวิจัยเอแบคโพล มหาวิทยาลัยอัสสัมชัญ เสนอผลวิจัยเชิงสำรวจในหัวข้อ"ผลการปรับคณะรัฐมนตรี การชุมนุมทางการเมือง และการอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาล"พบว่า ประชาชนส่วนใหญ่หรือร้อยละ 87.1 เห็นควรให้ความสำคัญกับระบบรัฐสภาเพื่อแก้ปัญหาบ้านเมือง และร้อยละ 87.4 ชี้ว่านายกรัฐมนตรีควรชี้แจงหรือตอบคำถามสภาผู้แทนราษฎรด้วยตัวเอง โดยร้อยละ 70.9 สนับสนุนให้เปิดอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาล
ขณะที่สวนดุสิตโพล มหาวิทยาลัยราชภัฎสวนดุสิต เสนอผลการวิจัยเชิงสำรวจในหัวข้อ"จุดอ่อนจุดแข็งของรัฐบาลและฝ่ายค้าน" โดยร้อยละ 48.73 ชื่นชมรัฐบาล เพราะผู้นำคือนางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ที่มุ่งมั่นตั้งใจทำงาน ขณะที่ร้อยละ 44.53 ชื่นชมฝ่ายค้าน เพราะผู้นำฝ่ายค้านคือนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ และมีจุดแข็งอยู่ที่การเดินหน้าตรวจสอบ ส่วนรัฐบาลจุดแข็งคือนโยบายประชานิยม