ส.องค์การพิทักษ์รัฐธรรมนูญไทยเล็งฟ้องศาลปค. กรณี กกต.ให้ผู้สมัครผู้ว่าฯกทม.หาเสียงขัดกฎหมาย
หลังนายสัณหพจน์ สุขศรีเมือง ผู้สมัครรับเลือกตั้งผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร หมายเลข 6 ขอให้ คณะกรรมการการเลือกตั้งประจำกรุงเทพมหานคร หรือ กกต.กทม. ตรวจสอบการทำ และเผยแพร่ผลสำรวจความคิดเห็นของประชาชนต่อการ เลือกตั้งผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร และเมื่อวานนี้(11 ก.พ.) ได้ยื่นเอกสารเพิ่มเติมเพื่อประกอบคำร้อง พร้อมกับได้ให้ถ้อยคำต่อฝ่ายสืบสวนสอบสวนของ กกต.กทม.แล้ว
นายวีระ ยี่แพร ผู้อำนวยการการเลือกตั้งประจำกรุงเทพมหานคร ระบุว่า จะะเสนอให้ที่ประชุม กกต.กทม.มีการพิจารณาคำร้องดังกล่าวว่า มีความครบถ้วนสมบูรณ์ตามระเบียบหรือไม่ ซึ่งคาดว่า ที่ประชุม กกต.กทม.จะพิจารณาในช่วงบ่ายวันนี้(12 ก.พ.)
ส่วนกรณีคำร้องของ พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ เตมียาเวส ผู้สมัครฯหมายเลข 11 ที่ขอให้ตรวจสอบการนำเสนอผลสำรวจความคิดเห็นของสวนดุสิตโพล โดยระบุว่ามีพฤติกรรมการทำโพลที่เป็นลักษณะชี้นำ และขัดต่อความเป็นจริง ขณะนี้ทาง กกต.กทม.ยังไม่ได้รับหนังสือมอบอำนาจของ พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ ที่มอบให้นายประพันธ์ คูณมี มายื่นคำร้อง
แต่ได้นัดหมายให้นายประพันธ์ นำเอกสารดังกล่าวมายื่น พร้อมกับให้ถ้อยคำเพิ่มเติมกับฝ่ายสืบสวนของ กกต.กทม.ในวันที่ 13 ก.พ. ซึ่งหากมีการให้ถ้อยคำเรียบร้อยทาง กกต.กทม.ก็จะพิจารณาความสมบูรณ์ของคำร้องก่อนจะเสนอต่อ กกต.กทม.พิจารณาต่อไป
นอกจากคำร้องทั้ง 2 กรณี นายศรีสุวรรณ จรรยา เลขาธิการองค์การพิทักษ์รัฐธรรมนูญไทย เปิดเผยว่า วันนี้(12 ก.พ.) สมาคมองค์การพิทักษ์รัฐธรรมนูญไทย และผู้สมัครผู้ว่าฯ กทม.บางส่วน รวมถึงประชาชนผู้มีสิทธิเลือกตั้ง จะไปยื่นฟ้อง กกต. ต่อศาลปกครองกลาง ในฐานะเป็นหน่วยงานทางปกครองของรัฐ ที่ละเลยต่อหน้าที่ตามที่กฎหมายกำหนดให้ต้องปฏิบัติ หรือปฏิบัติหน้าที่ดังกล่าวล่าช้าเกินสมควร ปล่อยให้มีการดำเนินการรณรงค์หาเสียงเลือกตั้งผู้ว่าฯกทม.ที่ขัดต่อกฎหมาย
โดยจะขอไต่สวนฉุกเฉิน ให้ศาลสั่งให้โพลต่าง ๆ ยุติการเผยแพร่ผลโพลโดยทันที พร้อมกันนี้ขอให้ออกคำสั่งกำหนดค่าใช้จ่ายในการหาเสียงของผู้สมัครสูงถึง 49 ล้าน อันเป็นการสร้างความได้เปรียบเสียเปรียบของผู้สมัครที่มีเงินน้อย ปล่อยให้ผู้สมัครหาเสียงและนำเสนอนโยบายโดยไม่สามารถปฏิบัติได้จริง และกฎหมายบริหาร กทม.2528 มิได้กำหนดอำนาจหน้าที่ไว้ เข้าข่ายหลอกลวงผู้เลือกตั้ง อีกทั้งปล่อยให้มีการติดป้ายหาเสียงเต็มฟุตบาทอันสร้างความเดือดร้อนเสียหายแก่ประชาชน