เปิด
ในการอภิปรายร่าง พ.ร.บ. กู้เงิน 2 ล้านล้านบาท มีเอกสารแนบท้ายประกอบด้วย 3 ยุทธศาสตร์หลัก 7 แผนงาน ประกอบด้วยยุทธศาสตร์การพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานด้านคมนาคมขนส่งของประเทศ ยุทธศาสตร์พัฒนาโครงสร้างพื้นฐานและสิ่งอำนวยความสะดวกในการเดินทางเพื่อเชื่อมโยงภูมิภาคทั่วประเทศและประเทศเพื่อนบ้าน ด่านพรมแดน ยุทธศาสตร์พัฒนาและปรับปรุงระบบขนส่งเพื่อยกระดับความคล่องตัว พัฒนาโครงข่ายระบบขนส่งมวลชนทางรางและ ถนนเพื่อแก้ไขปัญหาจราจร
โดยกว่าร้อยละ 80 เป็นการลงทุน ระบบขนส่งทางราง, ร้อยละ 12 เป็นระบบถนน และร้อยละ 8 เป็นทางน้ำ ซึ่งมีมากกว่า 100 โครงการ เช่น รถไฟความเร็วสูงที่จะลงทุน 4 เส้นทาง รถไฟฟ้า 10 เส้นทางครอบคุลมพิ้นที่กรุงเทพ-และปริมณฑล เพื่อรถไฟรางคู่ทั่วประเทศระยะทาง 4,043 กิโลเมตร
ด้านนักวิชาการจากสถาบันเพื่อการพัฒนาประเทศไทย หรือ ทีดีอาร์ไอ ระบุว่า รัฐบาลควรมีสมมติฐานว่า หากเกิดกรณีที่เลวร้ายขึ้น การลงทุนครั้งนี้จะมีผลอย่างใด ทั้งมีข้อกังวลถึงบัญชีแนบท้ายว่า มีสภาพบังคับทางกฎหมายหรือไม่ ไม่ต่างจากสว.สรรหา ที่มีข้อกังวลถึงวิธีการใช้เงินและภาระหน้าที่ของฝ่ายนิติบัญญัติในการตรวจสอบ เพราะเป็นการใช้เงินนอกงบประมาณยากต่อการตรวจสอบ
ขณะที่ประธานกลุ่มวิศวกรเพื่อชาติเชื่อว่ารัฐบาลจะผ่านการพิจารณาร่างดังกล่าวจากสภาฯ ซึ่งขั้นตอนหลังจากนี้จะต้องตรวจสอบการดำเนินงานอย่างเข้มงวด เพราะหากรั่วไหล เพียงร้อยละ 10 ของโครงการก็จะทำให้เงินหายไป 2แสนล้านบาท
ทั้งนี้ เห็นว่าบางโครงการ เช่น รถไฟฟ้าความเร็วสูงยังไม่คุ้มค่าต่อการลงทุน รัฐควรเน้นการพัฒนารถไฟรางคู่ทั่วประเทศ เพราะเข้าถึงประชาชนผู้มีรายได้น้อยมากกว่า รวมทั้งการพัฒนาระบบขนส่งเดิมให้มีมาตรการยิ่งขึ้น เช่น การขยายสนามบินสุวรรณภูมิเพื่อรองรับการเปิดประชาคมอาเซียนในอนาคต