ผู้เชี่ยวชาญเผย
คลิปเปรียบเทียบท่าเต้นของไมเคิล แจ็คสันในเพลง Billy Jean ที่ถ่ายไว้เมื่อปี 2001 กับปี 2009 คือหนึ่งในหลักฐานที่ทนายฝ่ายโจทก์ใช้เอาผิดต่อทางผู้จัด This is it ทัวร์คอนเสิร์ตคืนวงการของ ไมเคิล แจ็คสัน ซึ่งในคลิปแสดงให้เห็นว่าไมเคิลซึ่งอยู่ในสภาพอิดโรย ไม่สามารถเต้นท่าคุ้นตาอย่างการหมุนตัว 360 องศาได้ ซึ่งสิ่งนี้รวมถึงอาการลืมเนื้อเพลงและอาการพูดกับตัวเอง คือสิ่งยืนยันผลกระทบจากการอดนอนอย่างรุนแรง ตามวิเคราะห์ต่อคณะลูกขุนของดร.ชาร์ลส์ ไซส์เลอร์ ผู้เชี่ยวชาญของฝ่ายโจทก์ ในคดีที่มารดาและทายาทของไมเคิล แจ็คสัน ยื่นฟ้องเอาผิดต่อ AEG Live LLC ผู้จัดคอนเสิร์ต This is it ในข้อหาละเลยการดูแลสุขภาพของไมเคิล จนนำไปสู่การเสียชีวิตของราชาเพลงป็อปเมื่อเกือบ 4 ปีที่แล้ว
ดร.ชาร์ลส์ ไซส์เลอร์ ผู้เชี่ยวชาญด้านการนอนหลับ จากมหาวิทยาลัยการแพทย์ของฮาร์เวิร์ด ได้รับหลักฐานที่ทนายฝ่ายโจทก์รวบรวมมาจากทีมงานที่อยู่ใกล้ชิดกับ ไมเคิล แจ็คสัน ระหว่างการซ้อมคอนเสิร์ต ที่สังเกตว่าเขาสูญเสียความสามารถในการเต้น ต้องใช้เครื่องช่วยจำเนื้อเพลงที่ตนเคยร้องเป็นประจำ ร่างกายซูบผอมอย่างรวดเร็ว ผิวหนังเย็นเฉียบ เกิดอาการตื่นกลัวและเริ่มพูดคุยกับตัวเองด้วยประโยคซ้ำๆ ว่า พระเจ้ากำลังพูดกับผม
จากการวิเคราะห์ของไซส์เลอร์ ซึ่งเป็นผู้ให้คำปรึกษาด้านการนอนให้กับองค์กรชั้นนำอย่าง NASA และ CIA ระบุว่าอาการดังกล่าวเป็นผลมาจากการที่ ดร.คอนราด เมอร์รี ซึ่ง AEG ว่าจ้างให้มาเป็นแพทย์ประจำตัวของไมเคิล ได้แก้ปัญหาการนอนไม่หลับของไมเคิลด้วยการใช้โปรโพฟอล ยาสลบสำหรับการผ่าตัดให้กับไมเคิลติดต่อกันถึง 60 วัน ซึ่งยาตัวนี้จะทำให้หมดสติเหมือนอยู่ในอาการโคม่า และตื่นมารู้สึกสดชื่นเหมือนกับได้พักผ่อนจริงๆ แต่การหลับด้วยวิธีนี้ไม่สามารถนำไปสู่ภาวะการหลับในช่วง REM ซึ่งร่างกายและจิตใจจะพักผ่อนอย่างแท้จริง การอดนานในช่วง REM อย่างต่อเนื่อง นำมาซึ่งความทรุดโทรมทั้งร่างกายและจิตใจ ซึ่งในการทดลองกับสัตว์ เช่น หนูที่อดนอนในช่วง REM จะเสียชีวิตในเวลา 5 สัปดาห์ และไม่เคยพบว่ามีมนุษย์คนใดอดนอนในช่วง REM นานเท่าไมเคิลมาก่อน ซึ่งไซส์เลอร์ประเมินว่าหากไมเคิลไม่เสียชีวิตจากการใช้โปรโพฟอลเกินขนาด เขาอาจเสียชีวิตเพราะการอดนอนในอีกไม่กี่วันต่อมาเช่นกัน
ทนายฝ่ายโจทก์เปิดเผยข้อมูลว่า ดร.คอนราด เมอร์รี ซึ่งถูกศาลตัดสินข้อหาฆ่าคนโดยไม่เจตนา ได้สั่งซื้อยาโปรโพฟอลช่วงก่อนที่ไมเคิลจะเสียชีวิตเป็นปริมาณถึง 4 แกลลอน หรือ 155,000 มิลลิลิตร ซึ่งในทางการแพทย์โปรโพฟอลแค่ 20 ถึง 30 มิลลิลิตรก็เพียงพอสำหรับวางยาสลบก่อนการผ่าตัดได้แล้ว ซึ่งทนายฝ่ายจำเลยของฝั่ง AEG แย้งว่าไมเคิลเป็นผู้เลือกคอนราด เมอร์รี มาเป็นแพทย์ประจำตัวด้วยตนเอง และบริษัทไม่อาจรู้ถึงผลร้ายของโปรโพฟอลรวมทั้งการให้ยาที่เกิดขึ้นในสถานที่ส่วนตัวของไมเคิล ขณะที่ทนายฝ่ายครอบครัวไมเคิลกล่าวหา AEG ที่เลือกคอนราด เมอร์รี ซึ่งเป็นแพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านโรคหัวใจมารักษาการนอนไม่หลับของไมเคิล แทนที่จะอยู่ในความดูแลของผู้เชี่ยวชาญด้านการนอนหลับอย่างแท้จริง จนนำไปสู่การสูญเสียในที่สุด