ดีเอสไอเตรียมลงพื้นที่ตรวจสอบบุคคลใกล้ชิด
ในการตรวจสอบ พระวิรพล ฉัตติโก หรือ พระเณรคำ กรมสอบสวนคดีพิเศษ หรือ ดีเอสไอ ได้รับเป็นคดีพิเศษแล้ว โดยนายธาริต เพ็งพิษฐ์ อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ เปิดเผยว่า พบความผิดของพระเณรคำกับพวกรวม 8 ฐานความผิด ได้แก่ ความผิดตาม พรบ.คอมพิวเตอร์ กรณีโพสข้อมูลเชิญชวนให้ร่วมบริจาคทองคำสร้าง พระแก้วมรกต ซึ่งถือเป็นความผิดสำเร็จแล้ว
นอกจากนี้ มีกรณีการกระทำชำเราเด็กหญิง และพรากผู้เยาว์ กรณีที่หลวงปู่เณรคำกับพวก มีพฤติกรรมหลบเลี่ยงภาษีรถหรู ซึ่งเบื้องต้น พบรถยนต์ต้องสงสัย 9 คัน ที่น่าจะมีการนำออกไปยังประเทศเพื่อนบ้าน กรณีเสพยาเสพติดให้โทษ การแสดง และใช้วุฒิการศึกษาเท็จว่า จบปริญญาเอกจาก มหาวิทยาลัยสันติภาพโลก คดีฆ่าคนตายโดยประมาทจากการขับรถชนคนตาย ความผิดฐานฟอกเงิน กรณีการเบียดบังเงินบริจาคไปซื้อทรัพย์สิน และการนำเงินไปฝากในต่างประเทศ และ การอวดอุตริอภินิหาร
พร้อมเตรียมประสานให้ประเทศ ฝรั่งเศส ผลักดันให้พระเณรคำกลับไทย และจะขอให้มีการตรวจดีเอ็นเอ พ่อแม่พระเณรคำ เทียบกับเด็กชายอายุ 11 ขวบที่อ้างว่า เป็นบุตรชายเณรคำ ซึ่งสามารถทราบผลภายใน 1 วัน
ด้านสำนักพุทธศาสนา เตรียมยื่นเรื่องต่อฝ่ายปกครองของสงฆ์เพื่อขอเพิกถอนเณรคำจากการเป็นพระ และการอนุญาตให้พระสงฆ์เดินทางไปต่างประเทศ
ขณะที่กองปราบปราม ได้ดำเนินการอายัดบัญชีเงินฝาก 21 บัญชี วงเงินประมาณ 200 ล้านบาท เพื่อส่งให้ทาง คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ป.ป.ง.) นำเข้าที่ประชุมคณะกรรมการในวันที่ 19 ก.ค.2556
ส่วนกรณีหลวงปู่พุทธอิสระยื่นฟ้องพระเณรคำในข้อหาแต่งกายเลียนแบบสงฆ์ และข้อหาร่วมกันฉ้อโกงประชาชน ศาลอาญามีคำสั่งไม่รับฟ้อง โดยให้เหตุผลว่าไม่ใช่ผู้เสียหายโดยตรง
ขณะที่นายสุขุม วงศ์ประสิทธิ์ ลูกศิษย์ของพระเณรคำ เข้าพบกับตัวแทนสภาทนายความ เพื่อเตรียมร้องขอทนายความในการต่อสู้คดี พร้อมกล่าวว่า คดีนี้พระเณรคำยังเป็นผู้ถูกกล่าวหา ส่วนสภาทนายความระบุว่า ต้องมีการประชุมพิจารณาว่า คดีนี้สามารถรับเรื่องได้หรือไม่ เพราะระเบียบของสภาทนายความคือ ผู้ถูกกล่าวหาต้องไม่ได้รับความเป็นธรรมจากคดีและเป็นผู้ยากไร้ที่ไม่มีเงินว่าจ้างทนายความ