สมาชิกวง Blue ล้มละลายทั้งวง
เนื้อหาที่เล่าถึงการอายัดทรัพย์ในท่อนแร็ปเพลง All Rise ผลงานแจ้งเกิดของ Blue บอยแบนด์ชื่อดังของอังกฤษ คือการอุปมาอุปมัยการจับผิดคนรักที่ไม่ซื่อสัตย์กับกระบวนการในชั้นศาล แต่เนื้อหาในเพลงดังในอดีตกลายเป็นสิ่งที่เกิดขึ้นจริงกับสมาชิกแต่ละคนในวันนี้ เมื่อล่าสุด ลี ไรอัน ซึ่งเคยมีทรัพย์สินกว่า 10 ล้านปอนด์ ได้ยื่นขอเป็นบุคคลล้มละลายกับศาลในลอนดอน หลังประสบปัญหาด้านการเงินมาหลายปี ส่งผลให้สถานะภาพของสมาชิกวง Blue ทุกคนกลายเป็นบุคคลล้มละลายไปทั้งวง
Blue เคยทำยอดขายอัลบั้มและซิงเกิลได้กว่า 15 ล้านชุด และส่งเพลงครองแชมป์ชาร์ตทั่วโลกได้ใน 40 ประเทศ แต่หลังจากยุบวงใน 2005 สถานะทางการเงินของสมาชิกในวงก็เริ่มย่ำแย่ เมื่อแต่ละคนไม่ประสบความสำเร็จในฐานะศิลปินเดี่ยว แถมการกลับมารวมตัวเพื่อแข่งขันรายการ Eurovision Song Contest เมื่อ 2011 ยังจบลงอย่างน่าผิดหวัง เมื่อได้รับคะแนนโหวตเพียงอันดับที่ 11 เท่านั้น
ดันแคน เจมส์ เป็นสมาชิกคนแรกที่กลายเป็นบุคคลล้มละลายเมื่อปี 2013 จากการลงทุนด้านอสังหาริมทรัพย์ที่ล้มเหลว ไม่กี่สัปดาห์ถัดมา ไซมอน เว็บบ์ ก็กลายเป็นสมาชิกรายที่ 2 ที่ล้มละลาย โดยเจ้าตัวเผยว่าช่วง 3 ปีแรก Blue เคยทำเงินได้ถึง 82 ล้านปอนด์ แต่สมาชิกแต่ละคนกลับไม่เคยได้รับค่าตอบแทนที่สมน้ำสมเนื้อซักครั้ง โดยหลังจากนั้นไม่นาน แอนโทนี คอสตา ก็เป็นรายที่ 3 ที่ล้มละลาย ซึ่งเจ้าตัวเผยว่ารายได้ลดลงจากเดือนละ 250,000 ปอนด์ เหลือเพียงสัปดาห์ละ 45 ปอนด์ในปัจจุบัน โดยยอมรับว่าเป็นความผิดของตนที่ไม่ออมเงินเอาไว้ เพราะเข้าใจผิดว่า Blue จะโด่งดังไปตลอดกาล
แม้ทางวงจะกลับมารวมตัวอีกครั้ง และออกรายการโทรทัศน์เกี่ยวกับการรวมวงของไอดอลยุคเก่าอย่าง The Big Reunion แต่รายได้ที่ย่ำแย่ของ Colours อัลบั้มคืนวงการที่ทำยอดขายสัปดาห์แรกได้เพียง 4 พันชุด ทำให้ โซนี มิวสิค ต้นสังกัดประกาศยกเลิกสัญญาเมื่อเดือนก่อน โดยเบื้องต้นทางวงยืนยันว่าจะยังคงเปิดการแสดงและเผยแพร่ผลงานต่อไปในฐานะศิลปินไร้สังกัด
คนดังวงการบันเทิงที่กลายเป็นบุคคลล้มละลาย มีตั้งแต่ เชน ฟีแลน หัวหน้าวงบอยแบนด์ Westlife ที่เป็นหนี้กว่า 23 ล้านยูโร หลังหมดตัวเพราะลงทุนในธุรกิจที่ดิน เอ็มซี แฮมเมอร์ แรปเปอร์ชื่อดังต้นยุค 90 ต้องเป็นหนี้ถึง 13 ล้านดอลลาร์ จากการลงทุนในธุรกิจม้าแข่ง รวมถึง เคอร์รี คาโตน่า สมาชิกของ Atomic Kitten อดีตเกิร์ลกรุ๊ปชื่อดัง ก็เคยต้องล้มละลายหลังไม่สามารถจ่ายภาษีย้อนหลังได้ครบจำนวน 4 แสนปอนด์
อุปสรรคทางการเงินยังส่งผลการทำงานของคนดัง เช่น ครั้งที่นิโคลัส เคจ ต้องขายทรัพย์สินเพื่อจ่าย ภาษีย้อนหลังกว่า 6 ล้านดอลลาร์ ทำให้ช่วงนั้นเขาต้องรับงานแสดงแบบไม่เลือกเพื่อหาเงินมาใช้หนี้ จนต้องแสดงในหนังที่ล้มเหลวหลายเรื่อง