การสัญจรทางอากาศได้รับผลกระทบ เหตุเครื่องบินไถลออกนอกรันเวย์
วันนี้ (9 ก.ย.) มาริสา พงศ์พัฒนพันธุ์ ประธานคณะกรรมการดำเนินงานธุรกิจการบิน เผยว่า สายการบินต้องยอมให้การบินล่าช้า เนื่องจากการย้ายไปขึ้น-ลงบริเวณท่าอากาศยานดอนเมือง จะกระทบกับผู้โดยสารมากกว่า
น.ต.ประจักษ์ สัจจโสภณ กรรมการผู้อำนวยการใหญ่ บ.วิทยุการบินแห่งประเทศไทย จำกัด เผยว่า สภาพการสัญจรทางอากาศ ภายในท่าอากาศยานนานาชาติสุวรรณภูมิ โดยในช่วงเวลาประมาณ 13.00 น.ซึ่งเป็นช่วงที่มีเครื่องบินขึ้น-ลงเป็นจำนวนมาก หรือ ช่วงพีค โดยทางวิทยุการบินจะให้เครื่องบินขนาดกลาง-เล็ก ขึ้น-ลงก่อน และตั้งแต่เวลาประมาณ 07.00 - 12.00 น. มีเครื่องบินต้องบินวนในอากาศไม่สามารถลงจอดได้จำนวน 73 ลำ เฉลี่ยดีเลย์ลำละ 14 นาที และดีเลย์ภาคพื้นดินถึง 67 ลำ เฉลี่ยดีเลย์ลำละ 40 นาที
ด้านประชาชนผู้มาใช้บริการภายในท่าอากาศยานนานาชาติสุวรรณภูมิ เผยว่า ขณะนี้ บางสายการบินเริ่มเปิดให้บริการเช็คอินล่าช้า ซึ่งอาจจะส่งผลให้การขึ้นบินล่าช้าตามไปด้วย นอกจากนี้ สภาพอากาศก็ถือเป็นอุปสรรคต่อการกู้เครื่องบิน เนื่องจากจุดที่เครื่องบินไถลออกนอกรันเวย์นั้นเป็นพื้นสนามหญ้าทำให้รถลากจูงที่จะเข้าไปกู้เครื่องบินล้อจมอยู่ในดิน
รายงานข่าว จาก บริษัทการบินไทย ระบุว่า สาเหตุของการที่เครื่องบินไถลออกนอกรันเวย์เกิดจากล้อหน้าของเครื่องบินไม่สามารถใช้งานได้จึงทำให้นักบินไม่สามารถบังคับทิศทางขณะร่อนลงจอดด้วยความเร็วต่ำได้ จึงเกิดการไถลออกนอกรันเวย์