<"">
ชาติตะวันตกมีมติจะเพิ่มการสนับสนุนฝ่ายต่อต้านรัฐบาลซีเรีย และจะร่วมมือกันจัดทำร่างมติของยูเอ็น ที่จะมีข้อกำหนดบังคับว่าประธานาธิบดีของซีเรียไม่ยอมปลดอาวุธเคมี ก็ต้องเผชิญกับผลกระทบที่รุนแรง และนายบัน คี มุน เลขาธิการ ยูเอ็น จะชี้แจงถึงผลการตรวจสอบของคณะผู้เชี่ยวชาญด้านอาวุธเคมีต่อคณะมนตรีความมั่นคงของยูเอ็นในเวลา 22.15 น. คืนนี้ (16 ก.ย.)
การประชุม 3 ฝ่ายของรัฐมนตรีต่างประเทศจากสหรัฐฯ,อังกฤษและฝรั่งเศส ที่ทำเนียบประธานาธิบดีในกรุงปารีส ได้ข้อสรุปว่า สิ่งที่หารือกันในวันนี้ (16 ก.ย.) ซึ่งรวมถึงแนวทางการปลดอาวุธเคมีของซีเรีย ซึ่งจะทำเป็นร่างมติเสนอเข้าที่ประชุมขององค์การสหประชาชาติ หรือ ยูเอ็นและร่างมติดังกล่าวจะต้องเป็นมาตรการที่เข้มแข็ง,โปร่งใส,มีกำหนดเวลา และต้องมีข้อกำหนดชัดเจนว่าหากนายบาชาร์ อัล อัสซาด ประธานาธิบดีของซีเรีย ไม่ยอมปฏิบัติตาม ซีเรียจะต้องเผชิญกับผลกระทบที่รุนแรงและในสัปดาห์หน้าระหว่างการประชุมสมัชชาใหญ่ของยูเอ็นที่นครนิวยอร์ค จะมีการประชุมนอกรอบระหว่างผู้แทนนานาชาติกับผู้แทนของฝ่ายต่อต้านซีเรีย ซึ่งทางกลุ่มได้เชิญรัสเซียให้เข้าร่วมประชุมด้วย
นอกจากนี้ทั้ง 3 ประเทศยังได้ข้อตกลงร่วมกันว่าจะเพิ่มการสนับสนุนฝ่ายต่อต้านรัฐบาลซีเรีย เพราะเห็นว่าตอนนี้รัฐบาลหมดความชอบธรรมในการบริหารประเทศแล้ว สำหรับแนวทางการปลดอาวุธเคมีซึ่งรัฐมนตรีต่างประเทศของสหรัฐฯและรัสเซียได้ร่วมกันวางกรอบไว้ เริ่มต้นด้วยการที่ซีเรียจะต้องส่งมอบบัญชีคลังอาวุธเคมีภายใน 1 สัปดาห์ คณะผู้ตรวจสอบนานาชาติจะต้องลงพื้นที่ในซีเรียภายในเดือน พ.ย.นี้ อุปกรณ์การผลิตอาวุธเคมีทั้งหมดจะต้องถูกทำลายภายในเดือน พ.ย. และอาวุธเคมีทั้งหมดจะต้องถูกทำลายภายในกลางปีหน้า 2557 ซึ่งรัสเซียรับยืนยันกว่าจะดูแลให้ซีเรียปฏิบัติตามแนวทางดังกล่าว
และในวันนี้ (16 ก.ย.) เวลา 22.15 น. นายบัน คี มุน เลขาธิการ ยูเอ็น จะชี้แจงถึงผลการตรวจสอบของคณะผู้เชี่ยวชาญด้านอาวุธเคมีต่อคณะมนตรีความมั่นคงของยูเอ็น เป็นผลการตรวจสอบพื้นที่ที่มีการกล่าวหาว่ารัฐบาลซีเรียใช้อาวุธเคมีโจมตีประชาชนเมื่อวันที่ 21 ส.ค. ซึ่งสหรัฐฯระบุว่ามีผู้เสียชีวิตกว่า 1,400 คน ก่อนหน้านี้มีการเปิดเผยข้อมูลเบื้องต้นว่ามีการใช้อาวุธเคมีจริง แต่จะไม่ระบุว่าฝ่ายใดเป็นผู้ก่อเหตุ