สำนักชลประทาน เตือนประชาชนท้ายเขื่อนเจ้าพระยาติดตามสถานการณ์น้ำอย่าใกล้ชิด
พื้นที่ภาคเหนือ 4 จังหวัด คือ จ.พิษณุโลก, จ.พิจิตร, จ.กำแพงเพชร และ จ.เพชรบูรณ์ มีน้ำท่วมแล้ว โดยพื้นที่เศรษฐกิจในหลายจังหวัดได้รับผลกระทบเป็นผลจากน้ำป่าไหลหลากจากเทือกเขาสูง เพราะมีฝนตกหนักต่อเนื่อง โดยที่ จ.พิจิตร น้ำป่าได้หลากเข้าท่วมเขตเศรษฐกิจของเทศบาลตำบลทับคล้อ อ.ทับคล้อ สูงกว่า 1 เมตร
ส่วนที่ จ.พิษณุโลกทหารจากกองทัพภาคที่ 3 เร่งช่วยกันสร้างแนวตลิ่งบริเวณบ้านท่ายาง ต.เนินกุ่ม อ.บางกระทุ่ม เพื่อป้องกันน้ำกัดเซาะบ้าน โดยในวันที่ 24 กันยายนนี้ จะระดมกำลังเร่งดำเนินการอีกครั้ง หลังกระแสน้ำที่ไหลเชี่ยวเป็นอุปสรรคต่อการสร้างแนวกั้น
สถานการณ์น้ำที่เริ่มหลากมาจากทางภาคเหนือ ทำให้เขื่อนเจ้าพระยาต้องระบายน้ำเพิ่ม โดย นายฎรงศ์กร สมตน ผู้อำนวยการสำนักชลประทานที่ 12 ระบุว่า ฝนที่ตกหนักในช่วงวันที่ 19-20 กันยายน ทำให้ลุ่มน้ำต่างๆ มีปริมาณน้ำมากไหลหลากสมทบที่แม่น้ำเจ้าพระยา ระดับน้ำด้านเหนือเขื่อนเจ้าพระยาเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว จึงต้องระบายน้ำเพิ่มเป็น 2,200 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที ในวันที่ 26 กันยายน และคาดการณ์พยากรณ์อากาศกรมอุตุนิยมวิทยา ภาคเหนือตอนล่าง ภาคกลางตอนบน จะได้รับอิทธิพลร่องมรสุมมีฝนเพิ่มขึ้น จะส่งผลให้แม่น้ำเจ้าพระยาสูงขึ้นอีก จึงมีแนวโน้มที่เขื่อนจะระบายน้ำเพิ่มเป็น 2,300-2,500 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที ซึ่งจะส่งผลให้ระดับน้ำแม่น้ำเจ้าพระยา บริเวณจังหวัดพระนครศรีอยุธยาสูงขึ้นประมาณ 35-65 เซนติเมตร