ทีมสืบสวนนานาชาติ ตรวจสอบเหตุยึดห้างฯในเคนย่า
การรักษาความปลอดภัยในกรุงไนโรบี เมืองหลวงของเคนย่าเข้มงวดขึ้น นับตั้งแต่เกิดเหตุกลุ่มก่อการร้ายอัล ชาบับ บุกยึดห้างสรรพสินค้าหรูกลางกรุง ทั้งนี้เจ้าหน้าที่วางกำลังตรวจค้นประชาชนที่ใช้บริการขนส่งมวลชน รวมทั้งต้องเดินผ่านเครื่องตรวจจับโลหะ ก่อนขึ้นรถโดยสาร ขณะที่ ประชาชนพยายามกลับไปใช้ชีวิตตามปกติ ชาวเคนย่าบางคนประกาศว่า พวกเขาจะไม่ยอมก้มหัวให้กับการก่อการร้ายและความรุนแรง
ส่วนที่โบสถ์คริสต์หลายแห่ง ขอให้ผู้ที่มาประกอบพิธี สงบนิ่ง 1 นาที เพื่อรำลึกถึงเหยื่อที่เสียชีวิตทั้ง 67 คน จากเหตุการณ์ดังกล่าว และจนถึงขณะนี้ กาชาดเคนย่าประเมินว่า ยังมีผู้สูญหายอีก 71 คน ซึ่งอาจติดใต้ซากอาคารห้างสรรพสินค้าส่วนที่ถล่มลงมา เนื่องจากทหารเคนย่า ได้ยิงระเบิดอาร์พีจีเพื่อขู่กลุ่มก่อการร้าย แต่กลับทำลายคานและเสารับน้ำหนัก ทำให้อาคารถล่มลงมาบางส่วน
มีรายงานว่า เจ้าหน้าที่ห้องดับจิตหลายแห่งในกรุงไนโรบี เตรียมความพร้อมรับร่างผู้เสียชีวิตเพิ่มแล้ว ขณะที่วันนี้ (26 ก.ย.) ทีมผู้เชี่ยวชาญด้านนิติวิทยาศาสตร์จากนานาชาติ ทั้งสหรัฐฯ, อิสราเอล, อังกฤษ, เยอรมนี และแคนาดา ที่เข้าร่วมการสืบสวนสอบสวนเหตุการณ์บุกยึดห้างสรรพสินค้า และจับผู้ที่เดินเที่ยวห้างเป็นตัวประกัน เข้าตรวจสอบพื้นที่ห้างเวสต์เกต
หลังก่อนหน้านี้ ทีมผู้เชี่ยวชาญได้เก็บลายนิ้วมือ, ตัวอย่าง DNA และวิเคราะห์วิถีกระสุน เพื่อตรวจสอบสัญชาติของทั้งเหยื่อและผู้ก่อเหตุไปแล้ว การเข้าตรวจสอบที่เกิดเหตุครั้งนี้ เพื่อนำข้อมูลมาประเมินและวิเคราะห์สาเหตุ ที่ทำให้กลุ่มอัล ชาบับ สามารถบุกยึดห้าง และต้านทานเจ้าหน้าที่เคนย่าได้ถึง 4 วัน โดยสมาชิกกลุ่มอัล ชาบับ ถูกสังหาร 5 คน และอีก 11 คน ถูกเจ้าหน้าที่ควบคุมตัว
ส่วนผู้รอดชีวิตจากเหตุสะเทือนขวัญ เริ่มบอกเล่าถึงประสบการณ์เลวร้ายที่เกิดขึ้น หลายคนบอกตรงกันว่า พวกเขาแกล้งตาย จึงได้รอดชีวิต นักจัดรายการวิทยุรายหนึ่ง เปิดเผยว่า คนร้ายยิงคนอย่างอำมหิต และขณะที่เธอพยายามหลบหนีเอาตัวรอด ปรากฏว่า มีเสียงโทรศัพท์ดังขึ้นจากวัยรุ่นรายหนึ่งที่นอนอยู่ใกล้ๆ เธอจึงตัดสินใจปิดเสียงโทรศัพท์ และพบว่ามีเลือดติดมือมา จึงเอาเลือดมาป้ายตามร่างกาย กระทั่งหันไปอีกครั้ง พบว่าเด็กหนุ่มรายนั้นหยุดหายใจไปแล้ว ซึ่งเธอยอมรับว่า อยากทราบว่าเด็กหนุ่มที่เสียชีวิตคนดังกล่าวเป็นใคร เพราะเชื่อว่าเลือดของเขา ช่วยให้เธอรอดชีวิต
หญิงอีกคนหนึ่งเล่าว่า เธอพยายามสอนหลักศาสนาให้ชาวต่างชาติบางคนที่หลบอยู่ด้วยกัน เพราะเห็นคนร้ายถามเหยื่อเกี่ยวกับหลักศาสนาอิสลาม และสังหารคนที่ตอบไม่ได้ ส่วนผู้ที่นับถือศาสนาอิสลามได้รับการปล่อยตัวออกจากห้างฯ