ผลเลือกตั้งนายกสมาคมฟุตบอล
วันนี้ (17 ต.ค.) ผู้สื่อข่าวไทยพีบีเอสรายงานว่า ในการเลือกตั้งตำแหน่งนายกสมาคมฟุตบอลแห่งประเทศไทย ได้มีการนับคะแนนการเลือกตั้งนายกสมาคมฟุตบอลเป็นตำแหน่งแรกที่มีการนับคะแนนกันเกิดขึ้นหลังจากที่มีการกากบาทเลือกตั้งครบทั้ง 3 ตำแหน่ง ช่วงแรกคะแนนของนายวิรัช ชาญพานิชย์ และนายวรวีร์ มะกูดี ค่อนข้างที่จะสูสีกัน แต่ว่าหลังจากนั้นนายวรวีร์ ได้คะแนนทิ้งห่างจนมาชนะที่คะแนน 42:28 คะแนน มีบัตรเสีย 1 ใบ และไม่ขอออกเสียงอีก 1 ใบ จึงทำให้นายวรวีร์ ชนะการเลือกตั้งเป็นสมัยที่ 4 แต่ว่ายังคงต้องรอผลการรับรองผลการเลือกตั้งจาก กกต.อีกครั้งหนึ่ง
ส่วนตำแหน่งอุปนายกสมาคมที่มาการนับคะแนนต่อจากตำแหน่งนายกสมาคมฟุตบอลมีทั้งหมด 5 ตำแหน่ง ทีมงานของ นายวรวีร์ ก็ชนะไปทั้งหมด 5 ต่ำแหน่ง ด้วยคะแนน 44:28 คะแนน และตำแหน่งสภากรรมการ 13 ต่ำแหน่ง ที่นับเสร็จสิ้นไปแล้ว เป็นทีมงานของนายวรวีร์ ที่ชนะการเลือกตั้งไปอีกด้วยคะแนนเอกฉันท์
ซึ่งขณะนี้ที่ยังไม่มีการรับรองผลการเลือกตั้งจาก กกต. ทำให้ทีมของนายวรวีร์ ชนะการเลือกตั้งไปทั้งหมดด้วยคะแนนเอกฉันท์
นายวิรัช ชาญพานิชย์ เดินออกจากห้องประชุมทันที หลังการนับคะแนนการเลือกตั้งนายกสมาคมฟุตบอล ที่นายวรวีร์ มะกูดี เริ่มมีคะแนนนำ พร้อมกับการเปิดแถลงข่าว รวมถึง 6 สโมสรที่ไม่มีความชัดเจนในการใช้สิทธิ์เลือกตั้ง นำโดยทีมสุรินทร์, พังงา, ระยอง และตรัง
โดยนายวิรัชตั้งข้อสังเกตุว่า มีการเปลี่ยนคณะกรรมการอุทรณ์ก่อนการเลือกตั้งในช่วงเช้า และยังมีการชี้ว่าผู้ที่สามารถลงคะแนนได้เช่นทีม ปตท.ระยอง เป็น พล.ท.ชินเสน ทองโกมล ประธานผู้ตัดสิน ซึ่งไม่น่าเกี่ยวข้องกับการทำทีม เพราะฉะนั้นจึงยกตัวอย่างของทีมสุรินทร์ ที่ประธานสโมสร มาใช้สิทธิ์เลือกตั้งเอง แต่ว่ากลับมาชื่อของ นายสุนทร มีสุวรรณ มาใช้สิทธิ์แทน
เช่นเดียวกับทีมระยองที่มีปัญหาเดียวกัน ซึ่งไม่ทราบว่าคนที่มาใช้สิทธิ์แทนคือใคร และเพิ่งจะเคยเห็นหน้า ซึ่งนายวิรัชยืนยันว่าจะปรึกษากับทีมกฎหมายเพื่อฟ้องร้อง หาก กกต.รับรองผลการเลือกตั้งครั้งนี้ก็จะฟ้อง กกต.ด้วย ไปจนถึงคณะกรรมการพิจารณาโทษด้วยที่จะมีการฟ้องร้อง
นอกจากนี้นายวิรัช ยังมองว่า ตนเองไม่ใช่ผู้แพ้ และมั่นใจว่าตนเองชนะมาตั้งแต่ประกาศลงสมัคร เพราะว่าเมื่อสื่อมวลชนคอยตรวจสอบ การทำงานของสมาคม และนายวรวีร์ อยู่ตลอด ซึ่งหากจะดูคะแนนเสียง นายวรวีร์ ชนะด้วย 42:28 คะแนน แต่หากอีก 7 สโมสรไม่ถูกริดรอนสิทธิ์ ให้คนอื่นอย่างไม่เป็นธรรมก็จะเป็น 35:35 เสียง เท่ากัน ส่วนทางฝ่ายของทนายอ๊อด ภีมเดช อมรสุคนธ์ ก็จะเดินหน้าฟ้องกฎหมายแพ่ง และพาณิชย์ มาตรา100 ให้การประชุมหนนี้เป็นโมฆะ
เป็นที่น่าสังเกตว่าหากมีการฟ้องร้องถึงแพ่ง และพาณิชย์จริงๆ อาจจะเป็นไปได้ว่าฟีฟ่าอาจจะมองว่าเรื่องนี้มีการเมืองเข้ามาเกี่ยวข้อง และอาจจะลงโทษแบนสมาคมฟุตบอลได้ มีอาจมีการพักสิทธิ์สมาชิก