หลังจากบริษัทไทยทีวี ไม่ได้ชำระค่าประมูลใบอนุญาตประกอบกิจการทีวีดิจิทัล ที่ยังเหลืออยู่อีก 5 งวด เป็นเงินกว่า 1,634 ล้านบาท ภายในวันที่ 3 ก.พ.2559 ซึ่งไทยทีวีเป็นผู้ประกอบกิจการของไทยทีวีและช่องโลก้า ส่งผลให้การประชุมคณะกรรรมการ กิจการกระจายเสียงและกิจการโทรทัศน์ (กสท.) ซึ่งเป็นคณะกรรมการที่ดูแลงานด้านกิจการโทรทัศน์จะประชุมกันในเวลา 09:30 น.วันนี้ (8 ก.พ.2559) เพื่อพิจารณาแนวทางตามวิธีปกครองกับบริษัทไทยทีวี
ซึ่งตามขั้นตอนทางสำนักงาน กสทช. นายสมบัติ ลีลาพตะ รักษาการรองเลขาธิการ กสทช. เปิดเผยว่า สำนักงานจะเสนอเพิ่มโทษทางปกครอง จากปัจจุบันบริษัทไทยทีวีถูกคำสั่ง "พักใช้ใบอนุญาตประกอบกิจการ" เป็นเวลา 3 เดือนและสิ้นสุดลงเมื่อวันที่ 3 ก.พ.2559
ซึ่งเป็นการพิจารณาแนวทาง "เพิกถอนใบอนุญาต โดยขั้นตอนหากคณะกรรมการ กสท.ลงมติให้เพิกถอนก็จะต้องส่งหนังสือแจ้งถึงบริษัทไทยทีวีเพื่อให้รับทราบและแจ้งธนาคารกรุงเทพในฐานะผู้ค้ำหลักทรัพย์ให้บริษัทไทยทีวี เพื่อแจ้งให้ทราบว่า กสทช. ต้องการขอยึดหลักทรัพย์ค้ำประกัน หรือ แบงค์การันตี เป็นมูลค่ากว่า 1,600 ล้านบาท ซึ่งเป็นวงเงินที่เท่ากับงวดที่บริษัทไทยทีวีและโลก้า ยังไม่ได้ชำระค่าประมูลและจะแจ้งต่อสถานีโทรทัศน์ไทยพีบีเอสให้ดำเนินการยุติการปล่อยสัญญาณของทั้ง 2 ช่อง
ด้านตัวแทนฝ่ายกฏหมายบริษัทไทยทีวีให้เหตุผลก่อนหน้านี้ว่า สาเหตุที่ไม่จ่ายค่าประมูลส่วนที่เหลืออีก 5 งวด เป็นเพราะกสทช.ไม่ได้เปลี่ยนผ่านการรับชมทีวีดิจิทัลได้ตามแผนงานที่กำหนดไว้ ส่งผลให้บริษัทขาดทุน จึงต้องการยกเลิกทำช่องทีวีดิจิทัลทั้ง 2 ช่องและแจ้งต่อ กสทช.ให้ทราบตั้งแต่กลางปี 2558 รวมถึงได้ยื่น กสทช.ต่อศาลปกครอง เพราะเห็นว่าบริษัทเกิดความเสียหาย ขาดทุนจากการประกอบกิจการในช่วงที่ผ่านมา
โดยบริษัทไทยทีวีเริ่มสัญญากับ กสทช.ตั้งแต่วันที่ 25 เม.ย.2559 - 24 เม.ย.2572 รวมระยะเวลา 15 ปี โดยเช่าสัญญาณโครงข่ายสถานีโทรทัศน์ไทยพีบีเอส ออกอากาศตั้งแต่วันที่ 10 ก.พ.2557