วันนี้ (7 มิ.ย.2559) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เจ้าหน้าที่ตรวจสอบรถยนต์ และรถจักรยานยนต์อย่างละเอียดในตัวเมืองปัตตานี พร้อมตั้งด่านตรวจลอยในเส้นทางสายหลักต่างๆ ตลอดทั้งคืนที่ผ่านมา เพื่อป้องกันเหตุรุนแรง หลังเกิดเหตุก่อกวนเกือบ 10 จุด ทั้งเหตุระเบิด เผาสถานที่ราชการ เผาเสาส่งสัญญาณโทรศัพท์ และเผายางรถยนต์ใน อ.ปานะเระ และ อ.มายอ จ.ปัตตานี เมื่อวานนี้ โดยเจ้าหน้าที่ประจำด่านตรวจต่างๆ ได้ขอความร่วมมือจากชาวบ้านที่ออกมาละหมาดในช่วงเวลากลางคืน และออกมาหาซื้ออาหาร เพื่อนำไปรับประทานในช่วงเช้าให้พกเอกสารประจำตัวติดตัว หากออกมาทำธุระนอกบ้าน เพื่อความสะดวกในการตรวจสอบ พร้อมดูแลชุมชนเสี่ยงในเขตเมือง เพื่อเฝ้าระวังเหตุรุนแรง
อย่างไรก็ตาม เมื่อคืนที่ผ่านมา ถึงช่วงเช้าวันนี้ยังคงเกิดเหตุการณ์ขึ้นต่อเนื่อง โดยที่ ต.จวบ อ.เจาะไอร้อง จ.นราธิวาส เกิดเหตุยิงเจ้าหน้าที่ ทำให้นายอานูวา สุหลง ผู้ใหญ่บ้านเสียชีวิต ส่วนอาสาสมัครทหารพรานอิสฮา ยาโก๊ะ , นายอับดุลปาตะห์ มูเนาะ, นายอดินันท์ และนายอาพีนันท์ ยูโซ๊ะ ได้รับบาดเจ็บ ส่วนที่ อ.สุไหงโกลก จ.นราธิวาส เกิดเหตุยิงนายสอบรี ดือราแม และนายรูดี สุหลง ที่คลองชลประทาน หมู่ 5 อ.สุไหงโกลก เบื้องต้น เจ้าหน้าที่สันนิษฐานว่าเป็นการสร้างสถานการณ์
ด้าน พล.ต.ต.ทนงศักดิ์ วังสุภา ผู้บังคับการตำรวจภูธร จ.ปัตตานี เปิดเผยว่า เหตุรุนแรงที่เกิดขึ้นในช่วงนี้ ทำให้เจ้าหน้าที่ต้องดูแลพื้นที่มากขึ้น โดยเฉพาะการดูแลพื้นที่เมืองและเป้าหมายอ่อนแอ เพื่อจำกัดเสรีในการเคลื่อนไหวของกลุ่มแนวร่วม
ขณะที่ชาวไทยมุสลิมหลายครอบครัวใน จ.ปัตตานี จัดงานเลี้ยงต้อนรับการเข้าสู่เดือนรอนฎอน เมื่อคืนที่ผ่านมา ก่อนเริ่มถือศีลอดในวันนี้ โดยหลายคนบอกว่าอยากให้รอมฎอนปีนี้เป็นปีที่ชาวไทยมุสลิมได้ร่วมละการกระทำที่เป็นโทษทั้งกาย วาจา และใจ และไม่อยากเห็นความรุนแรงเกิดขึ้น
ส่วนที่ อ.เบตง จ.ยะลา ชาวไทยมุสลิม และนักท่องเที่ยวชาวมาเลเซียจำนวนมากออกมาหาซื้อสินค้าอุปโภคบริโภคที่จำเป็นในการละศีลอด โดยเฉพาะอาหารสดประเภทไก่ เนื้อ ปลา ผัก และผลไม้ต่างๆ ทำให้สินค้าบางประเภทเริ่มขาดตลาด เช่น ไข่ไก่ น้ำมันพืช และน้ำตาลทราย ด้านหน่วยงานที่เกี่ยวข้องก็ต้องกวดขันไม่ให้มีการกักตุนสินค้าหรือขายเกินราคา
ขณะที่ตลาดสดบางนาง อ.เมือง จ.นราธิวาส บรรยากาศการจับจ่ายซื้อของในช่วงเดือนถือศีลอด ไม่คึกคักมากนัก ซึ่งสาเหตุสำคัญเนื่องจากราคายางพาราที่ตกต่ำ ประกอบกับอากาศที่แล้งจัดในช่วงที่ผ่านมา ทำให้พืชผลทางการเกษตรได้ผลไม่มากนัก ประชาชนส่วนใหญ่จึงเลือกซื้อของเท่าที่จำเป็น และมีราคาถูก
ด้านชาวไทยมุสลิมและชาวต่างชาติมุสลิมที่อาศัยอยู่ใน อ.แม่สอด จ.ตาก ต่างเดินทางไปยังมัสยิดทั้ง 3 แห่งใน อ.แม่สอด เพื่อทำการละหมาดตะละเวี๊ยะในวันแรกเข้าสู่ค่ำคืนของเดือนรอมฎอน โดยบรรยากาศก็เป็นไปอย่างคึกคัก จากปกติที่จะมีผู้เดินทางทำละหมาดไม่มากนัก
สำหรับละหมาดตะละเวี๊ยะนั้นชาวมุสลิมจะร่วมกันปฏิบัติในค่ำคืนรอมฎอน ตลอดระยะเวลาถือศีลอด ประมาณ 1 เดือน โดย อ.แม่สอด ถือเป็นชุมชนที่มีชาวมุสลิมอาศัยอยู่หนาแน่นมาแห่งหนึ่งในพื้นที่ภาคเหนือ เฉพาะชาวไทยมุสลิมมีจำนวนมากว่า 6,000 คน