วันนี้ (3 ต.ค.2559) นายจตุพร พรหมพันธุ์ อดีตแกนนำแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) พร้อมพวกรวม 5 คน จำเลยร่วมในคดีก่อการร้ายที่กระทำผิดเงื่อนไขการปล่อยชั่วคราวที่ศาลอาญากำหนดไว้ กรณีที่จำเลยทั้ง 5 คน ให้สัมภาษณ์ออกรายการ "มองไกล" ทางช่องพีซทีวี อันเป็นการสร้างความไม่สงบ เดินทางมาศาลอาญา ถนนรัชดาภิเษก ตามนัดไต่สวนถอนการให้ประกันตัว
โดยคดีนี้อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) ยื่นหนังสือถึงพนักงานอัยการสำนักงานคดีพิเศษ 1 ว่าจำเลยในคดีนี้มีพฤติการณ์และกระทำการอันเป็นการผิดเงื่อนไขตามที่ศาลอาญาได้กำหนดไว้ในการอนุญาตให้ปล่อยชั่วคราว หลังออกมาเคลื่อนไหวทางการเมือง ดีเอสไอจึงขอให้พนักงานอัยการยื่นคำร้องต่อศาลอาญาเพื่อขอให้เพิกถอนการปล่อยชั่วคราว โดยแจ้งข้อเท็จจริงพร้อมแนบพยานหลักฐานหลายรายการที่เกี่ยวกับการกระทำของจำเลยทั้ง 5 คน มาให้อัยการพิจารณา ซึ่งหลังพิจารณาแล้ว อัยการจึงยื่นคำร้องต่อศาลอาญาเพื่อขอให้ศาลพิจารณาวินิจฉัยเพิกถอนการปล่อยชั่วคราวจำเลยในคดีนี้
นายจตุพร พรหมพันธุ์ ยืนยันว่าตลอดเวลาที่ผ่านมาไม่เคยกระทำความผิดตามเงื่อนไขการปล่อยตัวชั่วคราวของศาลอาญา พร้อมระบุว่าไม่เคยยุยงปลุกปั่นให้เกิดความเสียหายต่อรัฐหรือบุคคลอื่น พร้อมตั้งข้อสังเกตว่ากรณีดังกล่าวดีเอสไอน่าจะฟ้องร้องดำเนินคดีกับกลุ่มตัวเอง ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 116 ยุยงปลุกปั่น แต่กลับมาใช้วิธียื่นขอถอนประกัน โดยเห็นว่าคดีก่อการร้ายกับยุยงปลุกปั่นคนละส่วนกัน และถ้ามีการหมิ่นประมาทจะต้องมีผู้มาร้องทุกข์กล่าวโทษ ซึ่งในเบื้องต้นทราบว่าวันนี้อัยการได้เตรียมพยานจำนวน 7 ปาก ซึ่งเป็นเจ้าหน้าที่ของดีเอสเข้าไต่สวนด้วย ซึ่งในส่วนของจำเลยได้เตรียมคำให้การมาตอบโต้ทุกประเด็น ทางทนายความได้เตรียมคัดค้านการยกเลิกเพิกถอนการปล่อยตัวชั่วคราวด้วย โดยส่วนตัวมองว่ายังไม่ได้ความเป็นธรรม เนื่องจากที่ผ่านมา กลุ่ม กปปส.ที่มีการชุมนุมทางการเมือง และ 2 ปีที่ผ่านมา มีการดำเนินคดีเพียง 4 คนจาก 90 คน โดยหวังว่าศาลจะให้ความยุติธรรมต่อกลุ่มตัวเอง
ด้าน พ.อ.บุรินทร์ ทองประไผ เจ้าหน้าที่ฝ่ายกฎหมาย คสช.ระบุว่า ตัวเองเดินทางมาในฐานะพยานฝ่ายโจทก์ พร้อมเตรียมหลักฐานการฝ่าฝืนเงื่อนไขการปล่อยตัวชั่วคราวมาให้ศาลพิจารณา พร้อมระบุว่าการที่นายจตุพร อ้างว่าคดีก่อการร้ายกับคดียุยงปลุกปั่นอยู่คนละส่วนกันนั้น ขอยืนยันว่าการกระทำของนายจตุพร และพวกทั้งหมดอยู่ในเงื่อนไขเดียวกัน
อย่างไรก็ตามในช่วงบ่ายวันนี้ คาดว่าจะมีความชัดเจนเกี่ยวกับการพิจารณาของศาลอีกครั้ง เมื่อถึงเวลานายจตุพรได้แถลงต่อศาล พร้อมถ้อยคำชี้แจงไม่ได้กระทำเงื่อนไขการประกันตัว ยุยงปุปั่นให้เกิดความวุ่นวายในบ้านเมือง แต่ยอมรับว่า มีการจัดรายการพูดออกอากาศจริงในเรื่องการแต่งตั้งพระสังฆราช อุทยานราชภักดิ์
ส่วนทางอัยการได้ยื่นหลักฐานเป็นดีวีดี การออกอากาศออกรายการ "มองไกล" ทางช่องพีซทีวี ทั้งนี้ศาลจึงขอเวลาตรวจสอบหลักฐาน พร้อมนัดฟังพิจารณาคำพิพากษาวันอังคารที่ 11 ตุลาคมนี้