วันนี้ (10 พ.ย. 2559) สำนักข่าวต่างประเทศรายงานว่า นครนิวยอร์ก สหรัฐฯ ตกอยู่ในความตึงเครียด หลัง นายโดนัลด์ ทรัมพ์ มหาเศรษฐีฝีปากล้าและตัวแทนพรรครีพับลิกัน คว้าชัยได้เป็นว่าที่ประธานาธิบดีคนที่ 45 ของสหรัฐฯ เอาชนะนางฮิลลารี คลินตัน ตัวแทนพรรคเดโมแครต แบบพลิกความคาดหมาย ส่งผลให้ผู้ต่อต้านนายทรัพม์เกิดปฏิกิริยาไม่พอใจ และรวมตัวกันออกมาชุมนุมประท้วงที่หน้าโรงแรมฮิวตัน จนเกือบเกิดการปะทะกับกลุ่มที่สนับสนุนนายทรัมพ์ โดยเหตุการณ์จบลงแค่มีปากเสียงและกระทบกระทั่งกันเล็กน้อย
ที่เมืองพอร์ตแลนด์ รัฐโอเรกอน มีกลุ่มผู้ประท้วงต่อต้านนายทรัมพ์ ออกมาชุมนุมตามท้องถนนและส่งเสียงตะโกนด่าทอนายทรัมพ์
เช่นเดียวกับที่เมืองซานตาครูซ รัฐแคลิฟอร์เนีย ผู้ประท้วงหลายร้อยคนออกมาแสดงพลังต่อต้านนายทรัมพ์ โดยผู้ประท้วงส่วนใหญ่เป็นนักศึกษาของมหาวิทยาลัยแคลิฟอร์เนีย
ขณะที่ในเมืองเบิร์กลีย์ รัฐแคลิฟอร์เนีย นักเรียนมัธยมปลาย 1,500 คนในเขตซานฟรานซิสโก เบย์ พากันเดินออกจากห้องเรียนไปรวมตัวชุมนุมต่อต้านนายทรัมพ์ที่มหาวิทยาลัยแคลิฟอร์เนีย
ส่วนที่รัฐวอชิงตัน นักเรียนประมาณ 200 คน ออกจากห้องเรียนมาประท้วงต่อต้านทรัมพ์เช่นกัน
ทั้งนี้ การประท้วงขยายวงกว้างมากขึ้น หลังเกิดการชุมนุมต่อต้านนายทรัมพ์ที่ย่านเบย์ แอเรีย และในย่านใจกลางเมืองโอคแลนด์ โดยผู้ประท้วงจุดไฟเผาขยะบนถนนและทุบทำลายข้าวของ ด้านตำรวจรีบเข้ามารักษาความสงบ แต่ไม่มีรายงานผู้ถูกจับกุม
สำนักข่าวต่างประเทศรายงานต่ออีกว่า ที่กรุงลอนดอน ประเทศอังกฤษ กลุ่มผู้ต่อต้านการเหยียดเชื้อชาติออกมาแสดงพลังต่อต้านนายทรัมพ์ที่หน้าสถานทูตสหรัฐฯ และเปรียบนายทรัมพ์เป็นฮิตเลอร์ ผู้นำนาซีของประเทศเยอรมนี
ด้านปฏิกิริยาจากนานาชาติ ผู้นำหลายประเทศแสดงความยินดีกับนายทรัมพ์ที่คว้าชัยในการเลือกตั้งได้เป็นผู้นำคนใหม่ของสหรัฐฯ เช่น นายบัน คี มุน เลขาธิการใหญ่องค์การสหประชาชาติ ที่กำลังจะหมดวาระ กล่าวแสดงความยินดีกับทรัมพ์ และเรียกร้องให้มีความเป็นหนึ่งเดียวกันในสหรัฐฯ หลังผ่านพ้นการเลือกตั้งที่มีการหาเสียงขับเคี่ยวและสร้างความแตกแยกไม่น้อย
นายวลาดิเมียร์ ปูติน ประธานาธิบดีของรัสเซีย กล่าวว่า รัสเซียพร้อมฟื้นฟูความสัมพันธ์กับสหรัฐฯ อย่างเต็มที่ หลังนายทรัมพ์ได้รับเลือกป็นประธานาธิบดี เนื่องจากความสัมพันธ์ของทั้ง 2 ประเทศ ก่อนหน้า อยู่ในความตึงเครียดจากความขัดแย้งในเรื่องประเทศยูเครนและประเทศซีเรีย และข้อกล่าวหาว่ารัสเซียอยู่เบื้องหลังการเจาะข้อมูลเลือกตั้งของสหรัฐฯ
สำนักข่าวต่างประเทศรายงานว่า ชัยชนะของทรัมพ์ยังสร้างความวิตกให้กับชาติลาตินอเมริการวมทั้งเม็กซิโก จากนโยบายแข็งกร้าวของนายทรมพ์ ทั้งการต่อต้านผู้อยพย และการเปลี่ยนแปลงข้อตกลงการค้า เพื่อพิทักษ์ผลโยชน์ทางเศรษฐกิจของสหรัฐฯ ส่งผลให้เม็กซิโกและอีกหลายประเทศใกล้เคียง ต้องปรับเปลี่ยนนโยบายเพื่อรับมือผลกระทบจากการดำเนินนโยบายของทรัมพ์