วันนี้ (12 พ.ย.2559) พ.อ.โฆสิตพงษ์ นิลเอก ผู้บังคับการกองกำลังรักษาความสงบเรียบร้อยประจำจังหวัดบึงกาฬ นำกำลังพลลงพื้นที่รับซื้อข้าวจากกลุ่มเกษตรกรวิสาหกิจชุมชน บ้านหอคำ ต.หอคำ อ.เมืองบึงกาฬ จ.บึงกาฬ, ในราคาตันละ 10,500 บาท รวม 3 ตัน เพื่อช่วยเหลือชาวนาให้สามารถขายข้าวได้ในราคาที่เหมาะสม ไม่ต้องผ่านระบบพ่อค้าคนกลาง โดยข้าวทั้งหมดจะนำไปเก็บไว้และสีเป็นข้าวสาร เพื่อให้เลี้ยงกำลังพล
ส่วนชาวนาใน จ.มหาสารคาม ยังคงนำข้าวสารมาจำหน่ายที่ปั๊มน้ำมันทั้ง 4 แห่งอย่างต่อเนื่อง ซึ่งตั้งแต่ที่เริ่มวางขายมากว่า 1 สัปดาห์ สามารถขายข้าวได้กว่า 12 ตันข้าวสาร ขณะที่ชาวนาจากอำเภอต่าง ๆ ใน จ.นครราชสีมา ต่างเร่งขนย้ายข้าวสาร เพื่อวางจำหน่ายให้กับประชาชน ที่บริเวณลานอนุสาวรีย์ท้าวสุรนารี หลังจากเมื่อสัปดาห์ที่แล้วได้เปิดพื้นที่ให้ชาวนานำข้าวมาขายโดยตรง ในราคากิโลกรัมละ 25 - 30 บาท ทำให้มียอดจำหน่ายแล้วไม่ต่ำกว่า 10 ตัน
ส่วนที่ จ.บุรีรัมย์ ชาวนาทยอยนำข้าวเปลือกที่เก็บเกี่ยวแล้วเสร็จ ไปตากภายในค่ายสมเด็จเจ้าพระยามหากษัตริย์ศึก ซึ่งมณฑลทหารบกที่ 26 ได้เปิดพื้นที่ภายในค่ายทหาร เพื่อช่วยเหลือชาวนาให้สามารถตากข้าวลดความชื้น ก่อนเข้าร่วมโครงการสินเชื่อชะลอการขายข้าวนาปีกับรัฐบาล
ที่ จ.พิจิตร สภาพอากาศที่แปรปรวน อากาศเย็นสลับกับฝนตก ทำให้ชาวนา บางส่วนต้องเร่งเกี่ยวข้าวในช่วงเวลากลางคืน ช่วงฟ้าเปิด เพื่อป้องกันผลผลิตเสียหาย แต่ข้าวมีความชื้นสูงถูกหักค่าความชื้นตันละ 200-300 บาท