นายสงกรานต์ อัจฉริยะทรัพย์ ประธานเครือข่ายต่อต้านการบ่อนทำลายชาติ ศาสนาและพระมหากษัตริย์ พร้อมด้วยผู้เสียหายคดีรับจ้างติดคุก เข้าร้องทุกข์ที่กระทรวงยุติธรรม โดยผู้เสียหายเป็นภรรยาผู้ต้องขังคนหนึ่ง ให้ข้อมูลกับเจ้าหน้าที่ว่าถูกนายดาบตำรวจนายหนึ่งในพื้นที่ตำรวจภูธรมุกดาหาร ชักชวนสามีให้รับจ้างติดคุกแทนนายทุนคดีตั้งโรงงานไม้แปรรูปเถื่อนรายใหญ่ ด้วยจำนวนเงิน 200,000 บาท หลังตกลงมีการจ่ายเงินให้ก่อน 100,000 บาท จากนั้นสามีถูกดำเนินคดีและศาลตัดสินจำคุก 4 ปี 3 เดือน
นายสงกานต์ ระบุว่า ขณะนี้สามีของนางวิกุลถูกคุมขังที่เรือนจำ จ.มุกดาหาร มาแล้ว 4 เดือน ซึ่งมีอาการป่วยด้วยโรคประจำตัว จึงทำให้เกิดความกังวล จึงเรียกร้องให้รื้อคดีใหม่เพื่อหาตัวผู้อยู่เบื้องหลัง เนื่องจากครั้งนั้นสามีถูกหลอกให้รับผิดคดีไม้เถื่อนจำนวนไม่มาก โดยให้ค่าจ้าง 200,000 บาท เพื่อแลกกับการเป็นผู้ต้องหา แต่เมื่อรับสารภาพแล้วเพิ่งทราบว่าเป็นโรงงานแปรรูปไม้เถื่อนขนาดใหญ่ มีไม้พะยูงและไม้มะค่าประมาณ 800 กว่าท่อน
ผู้เสียหายชี้แจงว่าจนถึงขณะนี้ยังไม่ได้รับเงินส่วนที่เหลือและยอมรับว่าที่ผ่านมาได้กระทำความผิดโดยให้การเท็จ ซึ่งก็พร้อมยินดีรับโทษ แต่ขอให้นำตัวผู้กระทำผิดและผู้ว่าจ้างมาลงโทษตามกฎหมายด้วย
ด้านนายธวัชชัย ไทยเขียว รองปลัดกระทรวงยุติธรรม ระบุว่า การรับจ้างติดคุกเป็นคดีแรกที่มีผู้ร้องเรียน อาจต้องรื้อคดีใหม่เพื่อสอบสวนผู้ที่เกี่ยวข้องทั้งหมดว่าใครอยู่ในกระบวนการบ้าง แต่ในส่วนของผู้ที่รับจ้างติดคุกจะต้องถูกดำเนินคดีอยู่แล้วในข้อหาแจ้งความเท็จ เบิกความอันเป็นเท็จ ซึ่งก็จะให้ความเป็นธรรมกับทุกฝ่ายและทราบว่าผู้เสียหายที่ถูกคุมขังในเรือนจำมุกดาหารมีอาการป่วย โดยจะกำชับให้แพทย์ดูแลอย่างใกล้ชิด
รองปลัดกระทรวงยุติธรรมกล่าวอีกว่า ได้เสนอผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติในประเด็นการปฏิรูปตำรวจ โดยขอให้แยกงานด้านสอบสวนและสืบสวนออกจากกัน เพื่อปรับปรุงกระบวนการยุติธรรม