ภาคเอกชนเชื่อขยายเพดานหนี้สหรัฐฯ ไม่กระทบส่งออกไทย
นายชาติศิริ โสภณพานิช ประธานสมาคมธนาคารไทย กล่าวว่า หลังจากสหรัฐอเมริกาเพิ่มเพดานหนี้ในระยะสั้นจะช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจของสหรัฐฯ และ คลายความกังวลปัญหาเศรษฐกิจโลกลงได้ระดับหนึ่ง และเชื่อว่า จะไม่ส่งผลให้เกิดการดึงเงินลงทุนกลับไปยังสหรัฐฯจนส่งผลให้ค่าเงินบาทผันผวน
ขณะเดียวกันเห็นว่าเอกชนไทยควรติดตามภาวะค่าเงินบาทอย่างใกล้ชิดแม้เศรษฐกิจของเอเชียจะมีความเข้มแข้ง แต่ต้องพร้อมรับมือและติดตามการแก้ไขปัญหานี้ของสหรัฐฯ ในระยะกลาง และ ระยะยาวด้วยว่าจะมีมาตรการใดๆ ออกมาเพิ่มเติมอีกหรือไม่
นายพรศิลป์ พัชรินทร์ตนะกุล กรรมการรองเลขาธิการ สภาหอการค้าแห่งประเทศไทย เชื่อว่า การที่รัฐบาลสหรัฐบรรลุข้อตกลงเรื่องการเพิ่มเพดานหนี้สาธารณะจะทำให้สถานการณ์ของสหรัฐคลี่คลายลง และ สามารถชำระหนี้ได้ ซึ่งปัญหาสหรัฐจะไม่ส่งผลกระทบต่อธุรกิจส่งออกของไทย
สำหรับปัจจัยเสี่ยงที่จะส่งผลกระทบต่อการส่งออกของไทย ได้แก่ ราคาน้ำมันที่ปรับตัวสูงถึง 105 ดอลาร์สหรัฐฯต่อบาเรล จากปัจจุบันที่อยู่ในระดับกว่า 90 ดอลลาร์สหรัฐฯต่อบาร์เรล ราคาสินค้าเกษตรที่ปรับตัวสูงขึ้น และภัยธรรมชาติ
นายธีรนาถ รุจิเมธาภาส กรรมการผู้จัดการ บริษัท หลักทรัพย์จัดการกองทุนทิสโก้ กล่าวว่า แผนขยายเพดานหนี้ของสหรัฐฯมีความชัดเจนมากขึ้นเเละส่งผลให้ดัชนีตลาดหุ้นทั่วโลกปรับตัวดีขึ้น รวมถึงตลาดหุ้นไทยพร้อมกับค่าเงินดอลลาร์สหรัฐฯที่คาดว่าแข็งค่าขึ้น ซึ่งการขยายเพดานหนี้ ถือเป็นแนวทางการแก้ไขปัญหาระยะสั้นของสหรัฐฯเท่านั้น ซึ่งอาจบรรเทาความผันผวนของเศรษฐกิจสหรัฐฯได้เพียง 6 เดือนเท่านั้น
นายธีรนาถ กล่าวว่า ความผันผวนของเศรษฐกิจโลกเป็นหนึ่งในความเสี่ยงสำคัญของเศรษฐกิจไทย เช่นเดียวกับปัจจัยในประเทศที่มีความเสี่ยงด้านเงินเฟ้อที่มีแนวโน้มปรับเพิ่มขึ้นจากนโยบายของรัฐบาลใหม่ ซึ่งจำเป็นที่ต้องระมัดระวังการใช้นโยบายพอสมควร