น้ำท่วมสูงในหลายจังหวัด

จังหวัดในภาคเหนือ และอีสาน ยังมีน้ำท่วมหลังมีฝนตกอย่างต่อเนื่อง ขณะที่หลายจังหวัดต่างเร่งหามาตรการรับมือสถานการณ์น้ำในขณะนี้แล้ว

เจ้าหน้าที่ป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย จังหวัดพิษณุโลก ช่วยกันกรอกกระสอบทรายจำนวนนับพันใบ เพื่อเตรียมพร้อมรับมือสถานการณ์น้ำ หลังแม่น้ำน่านเอ่อล้นตลิ่งประกอบกับมีข้อมูลจากชลประทานจังหวัดพิษณุโลกว่าระดับน้ำจะเพิ่มสูงขึ้นและอาจเกินจุดวิกฤตไหลเข้าท่วมในเขตเศรษฐกิจของจังหวัดได้ นอกจากกระสอบทรายยังได้เตรียมเครื่องสูบน้ำตามจุดต่างๆ ไว้เพื่อเร่งระบายน้ำ หากเกิดสถานการณ์น้ำท่วม
 
ส่วนในพื้นที่ตำบลปากแคว อำเภอเมือง จังหวัดสุโขทัย ตลอดทั้งคืนที่ผ่านมาชาวบ้านและหน่วยงานราชการ ต้องจัดเวรยามเฝ้าระวังตลอดทั้งคืน หลังน้ำในแม่น้ำยมเพิ่มสูงขึ้น ซึ่งทางจังหวัดได้ประกาศเตือนประชาชนที่อาศัยอยู่สองฝั่งแม่น้ำยมให้ขนย้ายทรัพย์สินไปไว้ในที่ปลอดภัย
 
ขณะที่สถานการณ์น้ำในจังหวัดลำปาง ขณะนี้เขื่อนกิ่วลมและเขื่อนกิ่วคอหมา จำเป็นต้องเร่งระบายน้ำลงสู่แม่น้ำวัง ในปริมาณเพิ่มมากขึ้นอีก 1 เท่าตัว ซึ่งคาดการณ์ว่าจะเดินทางมาถึงพื้นที่ อำเภอเถิน และ อำเภอแม่พริก ซึ่งอยู่ห่างจากตัวเมืองลำปาง 120 กิโลเมตรในวันนี้ (3 ส.ค.) และอาจไหลเข้าท่วมบางพื้นที่ ด้านชลประทานจังหวัดลำปางได้แจ้งให้หน่วยงานองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ที่ควบคุมดูแลฝายทุกแห่งเร่งเปิดประตูน้ำทุกบาน เตรียมรับสถานการณ์น้ำเหนือไหลบ่า ซึ่งอาจจะแก้ไขปัญหากระแสน้ำล้นตลิ่งและชะลอน้ำเข้ามาเพิ่มเติมได้ในระดับหนึ่ง ส่วนประชาชนที่อาศัยอยู่ริมฝั่งแม่น้ำวังขอให้เก็บทรัพย์สินไว้ในที่สูง เพื่อความปลอดภัยในระยะนี้
 
ส่วนถนนสายลำปาง-เด่นชัย ขาล่อง บริเวณหลักกิโลเมตรที่ 8 - 9 เขตบ้านผาลาด ตำบลพระบาท อำเภอเมืองลำปาง ที่หินขนาดใหญ่และดิน ได้ถล่มลงมาปิดช่องทางการจราจร 1 ช่องทาง ขณะนี้เจ้าหน้าที่กู้ภัย และเจ้าหน้าที่ของแขวงการทางลำปาง นำเครื่องจักรกลเข้าไปเปิดเส้นทางเพื่อให้การจราจรเป็นไปตามปกติแล้ว
 
สำหรับสถานการณ์น้ำที่จังหวัดแพร่ ยังคงมีน้ำท่วมขังในพื้นที่ 8 อำเภอซึ่งนายชวน ศิรินันท์พร ผู้ว่าราชการจังหวัดได้สั่งให้องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นเร่งช่วยเหลือชาวบ้าน โดยเฉพาะเรื่องอาหารและน้ำดื่มก่อน ส่วนความเสียหายด้านพืชผลทางการเกษตรให้รอน้ำลดก่อนจึงจะเข้าไปสำรวจและพิจารณาจ่ายเงินชดเชยภายหลัง
 
นอกจากนี้พื้นที่ภาคเหนือตอนล่างและภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ก็ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์น้ำในขณะนี้เช่นเดียวกัน โดยที่จังหวัดเพชรบูรณ์ ฝนที่ตกหนักติดต่อกันหลายวันทำให้น้ำในแม่น้ำป่าสักไหลเข้าท่วมในเขตเทศบาลเมืองหล่มสัก แต่ขณะนี้น้ำเริ่มทรงตัว ยังไม่ไหลเข้าท่วมในย่านเศรษฐกิจ เนื่องจากฝนหยุดตก ขณะที่เทศบาลเมืองหล่มสักได้นำรถยนต์ติดเครื่องขยายเสียงออกประกาศเตือนให้ประชาชนยังคงต้องเฝ้าระวังการเกิดน้ำท่วม เนื่องจากหวั่นเกรงว่าอาจจะมีน้ำเหนือที่ไหลมาจากอำเภอด่านซ้าย จังหวัดเลย ไหลลงมาสมทบ พร้อมทั้งได้นำกระสอบทรายหลายพันใบขึ้นรถบรรทุก ออกแจกจ่ายให้กับบ้านเรือนราษฎรที่ได้รับความเดือดร้อนจากการถูกน้ำท่วม
 
ขณะที่เขตเทศบาลเริ่มคลี่คลายแล้วแต่ในอีก 11 หมู่บ้าน ในตำบลตาลเดี่ยว ซึ่งเป็นตำบลที่อยู่รอบนอก คือ ตั้งแต่หมู่ 1-11 บ้านเรือนประชาชนได้รับความเดือดร้อนจากการถูกน้ำท่วมกว่า 1,000 หลังคาเรือน พื้นที่ทางการเกษตรจมอยู่ใต้น้ำกว่า 3,000 ไร่ โดยเฉพาะหมู่ 3 บ้านน้ำอ้อย , หมู่ 5 บ้านท่าช้าง , หมู่ 6 บ้านปากห้วยขอนแก่น และหมู่ 7 บ้านท่าโก เป็น 4 หมู่บ้านที่ได้รับความเดือดร้อนอย่างหนัก เนื่องจากถนนสายหลักและถนนภายในหมู่บ้านหลายสายถูกน้ำท่วมขัง โดยเฉพาะถนนสายหล่มสัก-ปากดุก ซึ่งเป็นถนนสายหลัก ถูกน้ำท่วมเป็นช่วงๆ บางช่วงระดับน้ำท่วมสูงถึง 40-60 เซนติเมตร เป็นระยะทางยาวประมาณ 2-3 กิโลเมตร ทำให้รถยนต์ที่สัญจรวิ่งผ่านไปมาเป็นไปด้วยความยากลำบาก รถยนต์ขนาดเล็กไม่สามารถสัญจรวิ่งผ่านไปมาได้
 
ส่วนที่จังหวัดบึงกาฬซึ่งเป็นพื้นที่ที่ได้รับน้ำเหนือจากจังหวัดหนองคาย ขณะนี้ปริมาณน้ำในแม่น้ำโขง เพิ่มสูงขึ้นส่งผลให้น้ำในแม่น้ำสาขา ไหลเข้าท่วมที่นาของชาวบ้านในตำบลไชยศรี อำเภอเมืองสูงกว่า 1 เมตร เสียหายแล้วหลายพันไร่
 
ขณะที่ทางจังหวัดมุกดาหาร สั่งการให้ทุกอำเภอเตรียมอุปกรณ์ให้ความช่วยเหลือประชาชน ทั้งเรือท้องแบน เครื่องสูบน้ำ กระสอบทราย หากมีการร้องขอจากประชาชนผู้ประสบภัย พร้อมประกาศเตือนประชาชนให้เฝ้าระวังน้ำท่วมฉับพลัน หลังประมาณน้ำโขงเพิ่มสูงขึ้นชั่วโมงละ 3 เซนติเมตร อยู่ที่ระดับ 11.53 เมตร ห่างจากระดับวิกฤติอยู่ที่ 12.50 เมตร ซึ่งคาดว่าจะไหลเข้าท่วมในวันนี้
 
นอกจากนี้มีรายงานแล้วว่า ชาวบ้านป่าละอู ตำบลห้วยสัตว์ใหญ่ และตำบลบึงนคร อำเภอหัวหิน จังหวัดประจวบคีรีขันธ์กว่า 1,500 คน ได้รับผลกระทบจากน้ำท่วมแล้ว หลังจากที่ก่อนหน้านี้ เกิดน้ำป่าไหลจากต้นแม่น้ำเพชรบุรี จุดที่เฮลิคอปเตอร์ตกในป่าแก่งกระจาน ได้ไหลลงแม่น้ำปราณบุรี ทำให้เส้นทางการคมนาคมถูกตัดขาด ชาวบ้านไม่สามารถเดินทางเข้าออกหมู่บ้านได้ ต้องอาศัยเรือท้องแบนชักรอกข้ามแม่น้ำเข้าออกหมู่บ้าน

ด้านนายสมชาย บำรุงทรัพย์ นายอำเภอหัวหิน พร้อมสถานีกาชาดหัวหินเฉลิมพระเกียรติ องค์การบริหารส่วนตำบลห้วยสัตว์ใหญ่ ต้องเร่งนำเครื่องอุปโภคบริโภค ยาสามัญประจำบ้านกว่า 1,500 ชุด เดินทางเข้าพื้นที่ป่าละอู ซึ่งชาวบ้านอย่างน้อย 3 หมู่บ้าน ได้รับความเดือนร้อนอย่างหนัก และจนถึงขณะนี้ แม้ระดับน้ำจะเริ่มลดลงแต่ กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน และเจ้าหน้าที่องค์การบริหารส่วนตำบลห้วยสัตว์ใหญ่ ก็ได้จัดชุดเผ้าระวังระดับน้ำในแม่น้ำตลอด 24 ชั่วโมง
 
นอกจากความเสียหายที่ตำบลห้วยสัตว์ใหญ่ยังมีความเสียหายเกิดขึ้น ในตำบลบึงนครอีก 2 หมู่บ้าน ที่ได้รับความเดือดร้อยเนื่องจากไม่สามารถออกมาหาซื้ออาหาร เนื่องจากเส้นทางคมนาคมส่วนใหญ่เป็นทางไหลผ่านของแม่น้ำปราณบุรี เมื่อมีน้ำป่าไหลทะลักและท่วมสูงบางจุดสะพานขาด ชาวบ้านจึงไม่สามารถสัญจรเข้าออกได้ จึงต้องใช้วิธีนำถุงยังชีพมาให้ชาวบ้านตามจุดต่างๆ