บ้านของนางบุญเหลือ สันดา ชาวบ้านห้วยแสลงพันธ์ อ.ปราณบุรี จ.ประจวบคีรีขันธ์ และครอบครัวเคยใช้อยู่อาศัยมานานเกือบ 40 ปีแต่ขณะนี้มีสภาพไม่ต่างจากบ้านร้างเนื่องจากในปี 2555 เธอนำโฉนดไปขายฝากมีกำหนดไถ่ถอนภายใน 1 ปี แต่ไม่สามารถทำได้บ้านหลังนี้จึงตกเป็นของนายทุน
ตัวแทนเจ้าของเงินกู้แจ้งให้เธอนำเงิน 600,000 บาท เพื่อซื้อบ้านหลังนี้คืน หรือให้ทำสัญญาเช่าเป็นรายเดือน ในราคา 4,000 บาท หากไม่เช่นนั้นต้องย้ายออกเธอจึงต้องไปเช่าบ้านซึ่งอยู่ติดกันอาศัยแทนหลายปีมานี้บุญเหลือต้องทำงานอย่างหนัก กลางวันต้องไปทำไร่ที่เช่าพื้นที่ทำการเกษตรต่อจากเพื่อนบ้าน ส่วนกลางคืนรับงานเป็นแม่บ้านประจำปั้มน้ำมันแลกกับค่าแรง 8,500 บาท เพราะหวังสักวันจะมีเงินไถ่บ้านคืน
ไทยพีบีเอส สอบถามไปยังเจ้าของเงินกู้รายนี้ ได้รับการยืนยันว่าตลอดระยะเวลา 6 ปี ไม่เคยได้รับเงินคืนจากนางบุญเหลือ ทั้งเงินต้นและดอกเบี้ย ส่วนการเปลี่ยนกรรมสิทธิ์ผู้ครอบครองบ้านก็เป็นไปตามเงื่อนไขสัญญาขายฝาก
นางบุญเหลือไม่ใช่ลูกหนี้เงินกู้เพียงรายเดียวแต่มีลูกหนี้มากถึง 72 คน ที่นำหลักฐานการครอบครองที่ดินมากู้เงินจากเจ้าของเงินกู้รายนี้ ซึ่งบางรายอ้างว่าถูกข่มขู่เรียกเก็บดอกเบี้ยด้วยวิธีรุนแรง จึงเข้าแจ้งความนำมาสู่การตรวจค้น พบหลักฐานที่ดินของลูกหนี้หลายสิบรายเป็นเพียงเอกสารเสียภาษีบำรุงท้องถิ่น (ภบท.5) ไม่สามารถเปลี่ยนผู้ถือครองได้