วันนี้ (14 เม.ย.2561) สำนักข่าวต่างประเทศรายงานว่าเมื่อช่วงค่ำวานนี้ ตามเวลาของสหรัฐอเมริกา นายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกา ออกแถลงการณ์ผ่านทางโทรทัศน์รวมการเฉพาะกิจากทำเนียบขาว โดยมีคำสั่งอนุมัติให้กองทัพสหรัฐฯ ร่วมกับกองทัพพันธมิตร ประกอบด้วยอังกฤษ และฝรั่งเศส เปิดปฏิบัติการทางทหารถล่มแหล่งผลิตอาวุธเคมีในซีเรียแล้ว
ด้านนางเทเรซาร์ เมย์ นายกรัฐมนตรีอังกฤษ และนายเอ็มมานูเอล มาครง ประธานาธิบดีฝรั่งเศสได้ตอบรับการเข้าร่วมปฏิบัติการทางทหารครั้งนี้แล้ว โดยนายเยนส์ สโตลเตนแบร์ก เลขาธิการองค์การนาโตได้ออกมากล่าวสนับสนุนการโจมตีซีเรียโดยสหรัฐฯ อังกฤษ และฝรั่งเศสครั้งนี้ด้วย
ขณะที่มีรายงานว่า ช่วงเช้าวันนี้ เกิดเสียงระเบิดบริเวณใกล้กรุงดามัสกัส เมืองหลวงของซีเรีย หลังจากเครื่องบินของกองทัพสหรัฐอเมริกา พร้อมด้วยประเทศพันธมิตรทั้งอังกฤษและฝรั่งเศส ทิ้งระเบิดโจมตีเป้าหมายในซีเรีย 3 แห่ง ได้แก่ ศูนย์วิจัยทางวิทยาศาสตร์ในกรุงดามัสกัส คลังอาวุธเคมีทางตะวันตกของเมืองฮอมส์ และคลังเก็บอุปกรณ์อาวุธเคมีใกล้กับเมืองฮอมส์ เพื่อตอบโต้การใช้อาวุธเคมีโจมตีประชาชนในเมืองดูมา ซึ่งทั้ง 3 ประเทศเชื่อว่า รัฐบาลซีเรียเป็นผู้อยู่เบื้องหลัง
โดยก่อนหน้านี้ สำนักประธานาธิบดีฝรั่งเศสเผยแพร่ภาพวิดีโอผ่านทางสื่อสังคมออนไลน์ ขณะที่ฝูงบินรบฝรั่งเศสทะยานขึ้นจากสนามบินเพื่อมุ่งหน้าไปปฏิบัติภารกิจดังกล่าวในซีเรีย แต่ไม่มีการเปิดเผยว่าฝูงบินดังกล่าวขึ้นบินจากที่ใด
ด้านรัฐบาลซีเรีย เปิดเผยว่า กองกำลังของรัฐบาลสามารถยิงสกัดขีปนาวุธได้สำเร็จหลายสิบลูก โดยขีปนาวุธดังกล่าวตกลงทางตอนใต้ของกรุงดามัสกัส ซึ่งหน่วยงานสังเกตการณ์ด้านสิทธิมนุษยชนของซีเรีย เปิดเผยว่า เป้าหมายโจมตีของชาติพันธมิตรทั้ง 3 แห่ง ได้ถูกรัฐบาลซีเรียสั่งอพยพไปแล้วก่อนหน้านี้
ล่าสุด นายเจมส์ แมททิส รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมสหรัฐฯ ออกแถลงการณ์ที่เพนตากอนว่าสหรัฐฯ ร่วมกับกองทัพพันธมิตร อังกฤษ ฝรั่งเศส ตอบโต้ซีเรีย กรณีการใช้ อาวุธเคมีทำร้ายผู้บริสุทธิ์ เป็นการส่งสารไปยังผู้นำซีเรีย และไม่มีรายงานความสูญเสียจากปฏิบัติการการโจมตีระลอกแรก
อ่านข่าวเพิ่มเติม
สหรัฐฯ พร้อมโจมตีซีเรียปมใช้อาวุธเคมีสังหารพลเรือน
เลขาธิการยูเอ็นเตือนซีเรีย "สงครามเย็น" กำลังจะกลับมา