วันนี้ (20 เม.ย.2561) ตัวแทนเครือข่ายขอคืนพื้นที่ป่าดอยสุเทพ และหน่วยงานราชการ ซึ่งเป็นคณะกรรมการ 2 ฝ่ายที่แม่ทัพภาคที่ 3 แต่งตั้งเพื่อร่วมหาทางออกเรื่องบ้านพักข้าราชการตุลาการ จ.เชียงใหม่ ร่วมประชุมสรุปมติครั้งที่ 3 เพื่อเสนอไปให้รัฐบาล แม้ว่าก่อนหน้านี้สำนักงานศาลยุติธรรมจะไม่อนุญาตให้คณะกรรมการร่วมเข้าสำรวจพื้นที่จริง เพื่อสรุปแนวเขตการรื้อถอน
การประชุมครั้งนี้ ทุกฝ่ายเห็นตรงกัน 4 ข้อที่จะให้มีการดำเนินการ คือ 1.จำเป็นต้องฟื้นฟูสภาพพื้นที่ เพื่อไม่ให้มีผลกระทบต่อระบบนิเวศและสิ่งแวดล้อมโดยรวมมากขึ้น เป็นมาตรการเร่งด่วน เพื่อคุ้มครองสิ่งแวดล้อมและระบบนิเวศ เห็นควรนำ พระราชบัญญัติส่งเสริมและรักษาคุณภาพสิ่งแวดล้อมแห่งชาติปี 2561 มาบังคับใช้ 2.ให้รัฐบาลจัดสรรพื้นที่แห่งใหม่ และงบประมาณเพื่อก่อสร้างอาคารและสิ่งปลูกสร้างในราชการสำนักงานศาลยุติธรรม 3.ในส่วนที่สำนักงานศาลยุติธรรมไม่ได้ใช้ประโยชน์แล้ว ให้ส่งคืนกรมธนารักษ์ เพื่อประกาศเป็นอุทยานฯ หรือพื้นที่เพื่อการอนุรักษ์ฯ ต่อไป 4.ให้ประกาศต่อสาธารณะว่าจะไม่มีหน่วยงานหรือองค์กรใด เข้าไปใช้ประโยชน์ในพื้นที่ราชพัสดุที่เป็นป่ารอยต่อระหว่างพื้นราบกับเขตอุทยานแห่งชาติสุเทพ-ปุยอีก
ซึ่งความเห็นของคณะกรรมการฝ่ายราชการ ไม่มีหน่วยงานไหนให้ความเห็นถึงแนวเขตการรื้อถอน แม้ก่อนหน้านี้จะพิจารณาร่วมกันไว้ถึง 3 แนวทาง โดยต้องการให้รัฐบาลเป็นฝ่ายตัดสินใจเอง
ขณะที่ตัวแทนภาคประชาชนยังคงยืนยันว่า แนวทางเดียวคือต้องรื้อถอนบ้านพัก 45 หลังและอาคารชุด 9 หลัง ตามแนวเขตป่าไม้ดั้งเดิม พร้อมกับเสนอให้คณะกรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ ประกาศเป็นเขตคุ้มครองสิ่งแวดล้อม ตามมาตรา 48 ของพระราชบัญญัติส่งเสริมและรักษาคุณภาพสิ่งแวดล้อมแห่งชาติปี 2561 ซึ่งจะเป็นทางออกที่ดีและเหมาะสมให้กับทุกฝ่าย
หลังจากการนี้ ทางคณะทำงานร่วมจะนำมติที่ประชุมส่งต่อถึงผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ เพื่อเสนอให้ พล.ท.วิจักขฐ์ สิริบรรสพ แม่ทัพภาคที่ 3 และรายงานกับรัฐบาลต่อไป