วันนี้ (25 ก.ย.61) องค์คณะตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ ออกนั่งบัลลังก์ไต่สวนคดีที่ กกต.ยื่นร้องขอให้วินิจฉัยคุณสมบัติความเป็นรัฐมนตรีของนายดอน ปรมัตถ์วินัย รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศว่าสิ้นสุดลงเฉพาะตัวหรือไม่ กรณีนางนรีรัตน์ ปรมัตถ์วินัย คู่สมรส ถือครองหุ้นในบริษัทเอกชน 2 บริษัท ที่ส่อขัดต่อรัฐธรรมนูญ
ในการไต่สวนวันนี้ศาลได้ไต่สวนพยานบุคคล 3 ปาก ได้แก่ นายมนัส สุขสวัสดิ์ ประธานกรรมการไต่สวนข้อเท็จจริง ของ กกต.นายภัฏฏการก์ บุนนาค กรรมการผู้จัดการ บริษัท ปานะวงศ์ รีแอลที จำกัด และนายตรีวัฒน์ ทังสุบุตร กรรมการผู้จัดการบริษัท ปานะวงศ์ จำกัด
นายมนัส สุขสวัสดิ์ ประธานกรรมการไต่สวนข้อเท็จจริงของ กกต.ยืนยันต่อศาลว่า ไม่เชื่อคำชี้แจงในชั้นไต่สวนของฝั่งผู้ถูกร้องที่ระบุว่า คู่สมรสของนายดอนได้โอนหุ้นส่วนให้กับบุตรชายแล้วภายใน 30 วัน นับตั้งแต่รัฐธรรมนูญมีผลบังคับใช้ โดยมีการแจ้งความประสงค์โอนหุ้นเมื่อวันที่ 10 เม.ย.60
แต่การตรวจสอบข้อมูลของกรมพัฒนาธุรกิจการค้า กระทรวงพาณิชย์ พบว่ามีการเปลี่ยนแปลงรายชื่อผู้ถือหุ้นจริงเมื่อเดือน ต.ค.60 ซึ่งล่าช้ามาแล้ว 6 เดือน จึงตั้งข้อสังเกตว่าเป็นการแก้ไขข้อมูลย้อนหลังหรือไม่ กรณีทำสัญญาโอนหุ้นกันเองภายในบริษัทเมื่อเดือน เม.ย.60
ด้านนายภัฏฏการก์ บุนนาค กรรมการผู้จัดการ บริษัท ปานะวงศ์ รีแอลที จำกัด ยืนยันว่า บริษัท ปานะวงศ์ รีแอลที จำกัด ที่นางนรีรัตน์ คู่สมรสของนายดอน เคยถือหุ้นนั้นเป็นธุรกิจภายในครอบครัวไมได้มีส่วนได้เสียในกิจการของรัฐและขอโอนหุ้นของนางนรีรัตน์ มีการแจ้งในที่ประชุมบริษัทชัดเจน ในเดือน เม.ย.60 เมื่อบริษัทรับทราบก็ได้ส่งเรื่องให้สำนักงานบัญชีไปดำเนินการแจ้งต่อ กรมพัฒนาธุรกิจการค้า เพื่อเปลี่ยนแปลงรายชื่อผู้ถือหุ้น ซึ่งขั้นตอนนี้ต้องใช้เวลาแต่บริษัทถือว่าผลทางกฎหมายในการโอนหุ้นมีผลตั้งแต่วันที่เซ็นสัญญาโอนหุ้นแล้ว
ขณะที่นายตรีวัฒน์ ทังสุบุตร กรรมการผู้จัดการบริษัท ปานะวงศ์ จำกัด ซึ่งเป็นอีกบริษัท ที่นางนรีรัตน์ถือหุ้นนั้น ยืนยันว่า การเปลี่ยนแปลงรายชื่อผู้ถือหุ้นเกิดขึ้นในเดือนต.ค.เพราะการดำเนินการส่งเรื่องให้มีการเปลี่ยนแปลงต้องใช้เวลาโดยกระบวนการไต่สวนวันนี้ใช้เวลากว่า 2 ชั่วโมง จึงแล้วเสร็จ
ทั้งนี้ ศาลได้นัดพิจารณาคดีครั้งต่อไปวันพุธที่ 17 ต.ค.61 เวลา 13.30 น.ทั้งนี้เนื่องจากศาลได้ขอเอกสารจากพยานเพิ่มเติม เพื่อประกอบการพิจารณาด้วย