วันนี้ (23 ต.ค.2561) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า การเสียเเชมป์ข้าวหอมมะลิไทยให้กับกัมพูชาในการประกวด The World's Best Rice 2018 หรือการประกวดข้าวโลก ที่จัดขึ้นโดยกลุ่มธุรกิจค้าข้าว เเม้สมาคมผู้ส่งออกข้าวไทยไม่กังวลว่ารางวัลที่กัมพูชาได้รับไป จะมีผลต่อปริมาณเเละราคาข้าวหอมมะลิไทย เเต่เห็นว่ารางวัลดังกล่าวสะท้อนว่าความสามารถการเเข่งขันข้าวไทยลดลง ซึ่งไทยต้องรับมือกับสถานการณ์การค้าข้าวที่เปลี่ยนไป
ร.ต.ท.เจริญ เหล่าธรรมทัศน์ นายกสมาคมผู้ส่งออกข้าวไทย เปิดเผยว่า คุณภาพข้าวกัมพูชาไม่ต่างจากข้าวไทย เเละราคาข้าวหอมมะลิไทยเเพงกว่า โดยราคาส่งออกข้าวหอมไทย อยู่ที่ตันละ 1,100 ดอลลาร์สหรัฐฯ หรือประมาณ 35,000 บาทต่อตัน ส่วนข้าวหอมกัมพูชา อยู่ที่ 900 ดอลลาร์สหรัฐฯ หรือ 29,000 บาทต่อตัน ถูกกว่า 150-200 ดอลลาร์สหรัฐฯ หรือประมาณ 5,000-6,000 บาทต่อตัน หากชาวนาเเละรัฐไม่คำนึงถึงคุณภาพ ก็อาจถูกประเทศเพื่อนบ้านเเซงหน้าได้
ขณะที่นายปรีชา นุยืนรัมย์ ประธานสภาเกษตรกร จ.อุบลราชธานี กล่าวว่า ระยะหลังๆ คุณภาพเมล็ดพันธุ์ข้าวของชาวนาบางพื้นที่ลดลง จึงอยากให้รัฐเร่งพัฒนาพันธุ์ข้าวเพื่อคงคุณภาพข้าวหอมมะลิไทยไว้ รวมทั้งความรู้เรื่องการเก็บรักษาพันธุ์ข้าวด้วย
นายนิพนธ์ พัวพงศกร นักวิชาการเกียรติคุณสถาบันวิจัยเพื่อการพัฒนาประเทศไทย (ทีดีอาร์ไอ) กล่าวว่า ปัจจุบันข้าวไทยเเข่งขันได้น้อยลง เเละเริ่มสูญเสียตลาด เพราะมีสินค้าเดิมๆ ต่างจากที่คู่เเข่งพยายามปรับตัวขายสินค้าตามความต้องการของตลาด ซึ่งที่ผ่านมาการส่งเสริมตลาดของรัฐผิดด้าน รวมทั้งหน่วยรัฐมีความเข้มเเข็งน้อยลง สำหรับจุดอ่อนที่สำคัญของไทย คือความไม่ชัดเจนในนโยบายด้านงานวิจัย ไม่มีเเนวทางปฏิบัติที่ชัดเจนนำไปสู่การเเก้ไขเเละเกิดประโยชน์ต่อชาวนา ซึ่งการควบคุมต้นทุนที่ได้ผลผลผลิตต่อไร่สูง เป็นทางหนึ่งจะประคับประคอง เเละทำให้ชาวนาอยู่รอดได้ท่ามกลางการเเข่งขันในปัจจุบัน
อ่านข่าวเพิ่มเติม
"ข้าวหอมมะลิไทย 105" คว้ารางวัลข้าวรสชาติดีที่สุดในโลก