วันนี้ (24 ต.ค.2561) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ขณะนี้กรุงเทพมหานคร กำลังเจรจาปรับอัตราค่าโดยสารใหม่สำหรับรถไฟฟ้าบีทีเอสสายสีเขียวช่วงหมอชิต-สำโรง ร่วมกับเอกชนผู้เดินรถไฟฟ้าบีทีเอส เนื่องจากผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร มีความต้องการให้ราคาค่าโดยสารอยู่ที่ 65 บาทตลอดสาย ซึ่งถือว่าตัวเลขห่างกันมากเมื่อเทียบกับราคาในปัจจุบันที่ 140-145 บาท ดังนั้น กทม.จึงต้องยื่นข้อเสนอการขยายสัมปทานเดินรถให้กับบีทีเอสราว 5-10 ปี เพื่อแลกกับเงื่อนไขการคิดราคาดังกล่าว จากเดิมที่จะหมดอายุสัมปทานในปี 2585
ขณะที่นายสมพงษ์ เวียงแก้ว รองปลัด กทม. ระบุว่า ขณะนี้ กทม.ได้สั่งทบทวนโครงการรถไฟฟ้าสายสีเขียวใต้ส่วนต่อขยาย ช่วงสมุทรปราการ-บางปู วงเงิน 13,700 ล้านบาท และสายสีเขียวเหนือส่วนต่อขยาย ช่วงคูคต-ลำลูกกา วงเงิน 11,900 ล้านบาท จากเดิมที่เตรียมจะเสนอสำนักงานคณะกรรมการนโยบายรัฐวิสาหกิจ หรือ สคร. เพื่อเปิดประมูลในช่วงปลายปีนี้
ทั้งนี้ จำเป็นต้องมีการสำรวจปริมาณผู้โดยสารว่ามีทิศทางเป็นอย่างไร และจะเหมาะสมในการต่อขยายเส้นทางออกไปหรือไม่ หรือจะทยอยขยายในเส้นทางที่มีคนเยอะก่อนเพื่อความคุ้มค่าในการลงทุน เบื้องต้น คาดว่า จะใช้เวลารวบรวมข้อมูล 1-2 ปี ก่อนตัดสินใจ โดยหากเดินหน้าโครงการนี้ต่อไปจะใช้รูปแบบประมูลร่วมทุนพีพีพี เพื่อเปิดกว้างให้เอกชนเข้ามาแข่งขัน โดยจะไม่มีการคัดเลือกเอกชนด้วยวิธีเฉพาะเจาะจงแบบรถไฟฟ้าใต้ดิน
สำหรับความคืบหน้าการโอนหนี้สินและทรัพย์สินรถไฟฟ้าสายสีเขียววงเงิน 6 หมื่นล้านบาท ขณะนี้อยู่ระหว่างสรุปแนวทางการชำระหนี้ร่วมกับการรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย หรือ รฟม. สำนักงานบริหารหนี้สาธารณะและกระทรวงการคลัง ก่อนลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือ
เบื้องต้น กทม.จะทยอยชำระเงินเป็นรายงวด ส่วนด้านความคืบหน้าการปรับโครงสร้างค่าโดยสารรถไฟฟ้าสายสีเขียวนั้นจะมีการหารือร่วมกับ บีทีเอสเร็วๆ นี้ ส่วนเรื่องการเปิดเดินรถสายสีเขียวใต้ช่วงแบริ่ง-สมุทรปราการนั้น จะมีการทดลองเดินรถให้ประชาชนใช้บริการตั้งแต่วันที่ 1 ธ.ค.นี้