วันนี้ (8 พ.ย.2561) นพ.ยงยุทธ วงศ์ภิรมย์ศานติ์ หนึ่งในคณะกรรมการสื่อสร้างสรรค์ กรณีถ้ำหลวง จ.เชียงราย เปิดเผยถึงแนวทางการให้สัมภาษณ์กับสื่อมวลชนไทยของครอบครัวทีมหมูป่าอะคาเดมี 13 คนว่า ขณะนี้ สื่อมวลชนไทยสามารถสัมภาษณ์ครอบครัวและเยาวชนได้แล้ว หลังจากคณะกรรมการเข้มงวดในช่วง 3 เดือน หลังจากเกิดเหตุการณ์ที่ขอความร่วมมือไม่ให้สัมภาษณ์ในช่วง 3 เดือนแรก เนื่องจากต้องการให้กลุ่มเยาวชนและครอบครัวฟื้นฟูความเข้มแข็งทั้งร่างกายและจิตใจ พร้อมยืนยันว่าคณะกรรมการสื่อสร้างสรรค์ กรณีถ้ำหลวงฯ ต้องการให้เด็กและครอบครัวได้กลับไปใช้ชีวิตปกติ แต่การนำพาเด็กไปที่ประเทศอาร์เจนติน่า, สหรัฐอเมริกา และสหราชอาณาจักร ในช่วงที่ผ่านมา เพราะกรรมการเห็นว่าเป็นประโยชน์ต่อเด็กที่ได้เรียนรู้ทักษะทางกีฬาและการให้สัมภาษณ์สื่อต่างประเทศ เพื่อขอบคุณคนทั่วโลก
"หลักของการสัมภาษณ์แบบทำข่าวปกติ สามารถลงไปทำข่าวได้ปกติอยู่แล้วตอนนี้ ความชัดเจนคือมีการลงมติไปแล้วว่าการควบคุมเข้มงวด กรรมการจะดูแล 3 เดือน หลังจากนั้นสามารถสัมภาษณ์ได้ และเราพยายามให้ความรู้ความเข้าใจกับผู้ปกครองว่าเขามีสิทธิ์ที่จะรู้คำถามล่วงหน้า และมีสิทธิ์ที่จะไม่ตอบคำถามก็ได้ ในขณะนี้การสัมภาษณ์ของสื่อในประเทศหรือต่างประเทศ จะลดความเข้มข้นในการควบคุมอยู่แล้ว และอยู่ในความเข้าใจว่าผู้ปกครองและเด็กสามารถดูแลตัวเองได้มากขึ้น เพราะความเป็นจริงเราไม่สามารถจะคอยปกป้องเขาได้ตลอดไป ซึ่งเรื่องราวของพวกเขาจะเป็นประโยชน์ต่อชาวโลกมากในการแผนการช่วยเหลือภัยพิบัติที่เกิดขึ้น"
นพ.ยงยุทธ กล่าวอีกว่า แนวทางการอนุญาตให้สื่อไทยสัมภาษณ์ครอบครัวและเยาวชนหลังจากนี้ จะแบ่งเป็น 2 รูปแบบ สำหรับสื่อที่เน้นนำเสนอเชิงสาธารณะ ไม่มุ่งเน้นธุรกิจ สามารถขออนุญาตคณะทำงานได้ เพื่อจะได้เป็นตัวกลางสำหรับสื่อสารกับเด็กและครอบครัว และสื่อที่เน้นทำธุรกิจ จะใช้มาตรฐานเดียวกันสำหรับกับสื่อต่างประเทศ โดยจะมีคณะอนุกรรมการทำหน้าที่พิจารณาเป็นตัวกลางในการตกลงรายได้ และจะมีการตั้งกองทุนเพื่อดูแลเด็กและครอบครัวระยะยาว ซึ่งดีกว่าการให้ค่าตอบแทนเฉพาะหน้าแต่ดูแลบริหารจัดการยาก ซึ่งถ้าคณะกรรมการมีความเห็นว่ามีกิจกรรมทางสังคมอื่นใด เงินก้อนนี้จะเป็นประโยชน์ เพราะการรอดชีวิตของทีมหมูป่าเกิดจากการช่วยเหลือของทั้งคนไทยและต่างประเทศ
นพ.ยงยุทธ ยังแนะนำประเด็นที่สื่อมวลชนควรนำเสนอ คือการเน้นนำเสนอความเข้มแข็ง สามัคคี และความอดทนของกลุ่มเยาวชน พร้อมยืนยันว่ากรรมการสื่อสร้างสรรค์จำเป็นต้องดูแลบริหารจัดการครอบครัว 13 หมูป่า เพื่อไม่ให้เกิดปัญหา