จากกรณีสมาคมโรงพยาบาลเอกชน คัดค้านการนำค่ารักษาพยาบาลและค่าเวชภัณฑ์จัดอยู่ในสินค้าควบคุม ตามมติของคณะกรรมการกลางว่าด้วยราคาสินค้าและบริการ (กกร.)
วันนี้ (13 ม.ค.2562) นายชัยสิทธิ์ วิริยะเมตตากุล กรรมการผู้จัดการ โรงพยาบาลวิภาวดี ยืนยันว่า ธุรกิจโรงพยาบาลเอกชนไม่มีการค้ากำไรเกินควรและสามารถตรวจสอบได้ หากตรวจสอบกำไรสุทธิเทียบกับรายได้ย้อนหลัง 8 ปี ของโรงพยาบาล พบว่า อยู่ที่ร้อยละ 8-13 ซึ่งไม่สูงเกินไป เนื่องจากโรงพยายาลเอกชนมีต้นทุนค่าใช้จ่ายแฝงที่สูง เช่น เครื่องมือทางการแพทย์ การจ้างบุคลากรเพื่อรองรับการดูแลรักษาตลอด 24 ชั่วโมงแม้จะมีผู้ป่วยน้อย
เบื้องต้นเห็นด้วยกับมติของ กกร.ที่เพิ่มยาและเวชภัณฑ์เข้ามาอยู่ในบัญชีสินค้าควบคุม แต่ต้องการให้รัฐบาลพิจารณาถึงหลักการปฏิบัติ รวมถึงดูแลและช่วยเหลือผู้ประกอบการธุรกิจโรงพยาบาลเอกชนให้สามารถอยู่ได้ เช่น การกำหนดค่าใช้จ่ายแฝงต่าง ๆ เนื่องจากโรงพยาบาลเอกชน ถือเป็นทางเลือกที่ช่วยแบ่งเบาภาระให้กับโรงพยาบาลรัฐ สำหรับผู้ป่วยที่ต้องการความสะดวก รวดเร็ว และคุณภาพในการบริการ
ขณะที่ น.ส.สารี อ่องสมหวัง เลขาธิการมูลนิธิเพื่อผู้บริโภค กล่าวว่า ราคาหุ้นของโรงพยาบาลที่ลดลงหลังกระแสข่าวควบคุมค่ารักษาพยาบาล ถือเป็นเรื่องปกติ และไม่อยากให้นำเรื่องนี้มาเป็นข้ออ้าง โดยทางมูลนิธิไม่ต้องการให้เรื่องดังกล่าวส่งผลกระทบต่อรายได้ของโรงพยาบาล แต่ต้องการให้คิดค่ารักษาอย่างเป็นธรรม
สำหรับในวันพรุ่งนี้ (14 ม.ค.62) สมาคมโรงพยบาลเอกชนจะชี้แจงข้อมูลและทำความเข้าใจในการคิดค่ารักษาพยาบาล การกำหนดราคาค่ายา และค่าบริการทางการแพทย์ รวมถึงการใช้สิทธิรักษาพยาบาลของประชาชน