วันนี้ (4 มี.ค.2562) เจ้าที่กรมราชทัณฑ์คุมตัว นายสนธิ ลิ้มทองกุล นายสุริยะใส กตะศิลา แกนนำกลุ่มพันธมิตร มาฟังคำพิพากษาที่ศาลอาญา ในฐานความผิดร่วมกันมั่วสุมตั้งแต่ 10 คน ขึ้นไปก่อความวุ่นวาย ร่วมกันหน่วงเหนี่ยวหรือกักขังผู้อื่น หรือกระทำด้วยประการใดให้ผู้อื่นปราศจากเสรีภาพในร่างกาย นอกจากนี้ยังมีแนวร่วม อาทิ นายวีระ สมความคิด ถูกดำเนินคดีและได้รับการประกันตัวเดินทางมาฟังคำพิพากษาด้วย
จากกรณีแกนนำและแนวร่วม รวม 21 คน เคลื่อนการชุมนุมจากทำเนียบรัฐบาล ไปปิดล้อมรอบอาคารรัฐภา ช่วงวันที่ 7 ต.ค.2551 ไม่ให้รัฐบาลนายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ อดีตนายกรัฐมนตรี ประชุมแถลงนโยบาย
เมื่อถึงเวลาจำเลยมาครบทั้ง 21 คน ศาลจึงพิเคราะห์แล้ว เห็นว่า ระหว่างการชุมนุม พล.ต.จำลอง ศรีเมือง และจำเลยที่ 1-21 ได้ประกาศตลอดเวลาห้ามผู้ชุมนุมนำอาวุธ และเครื่องดื่มแอลกอฮอล์เข้ามาในพื้นที่การชุมนุม
ขณะที่พยานโจทก์ เจ้าหน้าที่ตำรวจ 4 นาย ซึ่งได้รับมอบหมายหน้าที่ให้มาสืบสวนหาข่าว ดูแลความปลอดภัยบริเวณชุมนุม ได้เบิกความตอบคำถามค้านของทนายจำเลยไปในทิศทางเดียวกันว่า ระหว่างการชุมนุมบริเวณสภาตั้งแต่ 5 - 7 ต.ค.2551 ไม่พบว่ามีผู้ชุมนุมคนใดเข้าไปในอาคารรัฐสภาและทำลายทรัพย์สิน แต่การชุมนุมนั้นเป็นไปโดยสงบภายใต้เจตนาการคัดค้านการแถลงนโยบายรัฐบาล
การนำสืบยังฟังได้ว่า การชุมนุมของกลุ่มพันธมิตรในครั้งนี้ มีการปราศรัยให้ข้อมูลข้อเท็จจริงที่น่าเชื่อว่ารัฐบาลของนายสมัครและนายสมชาย เป็นหุ่นเชิดของนายทักษิณ และยุคของนายสมัครยังได้เสนอให้แก้ไขรัฐธรรมนูญ เพื่อช่วยเหลือให้นายทักษิณพ้นจากการตรวจสอบคดีทุจริต 13 โครงการโดยคณะกรรมการตรวจสอบการกระทำที่ก่อให้เกิดความเสียหายแก่รัฐ และเพื่อช่วยเหลือให้พรรคพลังประชาชนพ้นจากคดียุบพรรค
ทั้งนี้ จึงฟังได้ว่า การชุมนุมดังกล่าวของกลุ่มพันธมิตรเป็นไปโดยสงบตามสิทธิของประชาชนตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 63 ซึ่งประชาชนในฐานะเจ้าของประชาธิปไตยได้ร่วมตรวจสอบนักการเมืองโดยแกนนำได้ นำข้อมูลข้อเท็จจริงนั้นมาสื่อสารให้ประชาชนรับทราบ ซึ่งคดีเหล่านั้นมีบทพิสูจน์แล้วจากคำพิพากษาของศาล การกระทำของจำเลยดังกล่าวไม่เป็นความผิดตามฟ้อง จึงพิพากษายกฟ้องทั้ง 5 ข้อหา