วันนี้ (26 เม.ย.2562) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า จากกรณีนางหญิง นามสมมติ อายุ 52 ปี บ้านอยู่ ต.บางมะพร้าว อ.หลังสวน จ.ชุมพร ร้องเรียนผู้สื่อข่าว ลูกสาวอายุ 14 ปี กับหลานชายอายุ 9 ปี และหลานสาวอีก 2 คน อายุ 7 ขวบ อายุ 5 ขวบ ถูกนายสุรินทร์ (ขอสงวนนามสกุล) อายุ 50 ปี นายจ้างเจ้าของสวนยางพาราก่อเหตุกระทำชำเรามานานต่อเนื่องหลายครั้ง
ล่าสุด น.ส.วัลภา แก้วสวี พัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (พมจ.) จ.ชุมพร พร้อมเจ้าหน้าที่หน่วยงานเกี่ยวข้องในท้องถิ่น ได้ลงพื้นที่บ้านไม่มีเลขที่ในสวนมะพร้าว ต.บางมะพร้าว อ.หลังสวน พบกับนางหญิง นามสมมติ อายุ 52 ปี พร้อมกับหลานชายวัย 9 ขวบ และหลานสาวอายุ 7 ขวบกับ 5 ขวบ ที่ถูกล่วงละเมิดทางเพศ
ส่วน ด.ญ.สวย นามสมมุติ อายุ 14 ปี ซึ่งเป็นลูกสาวของนางหญิงที่ถูกกระทำชำเรา ไม่ยอมออกมาพบกับเจ้าหน้าที่ ได้ปิดประตูห้องและเขียนข้อความในกระดาษติดไว้ที่ประตูห้อง พร้อมเขียนข้อความไม่ให้รบกวน ซึ่งเจ้าหน้าที่ก็เคารพสิทธิ์ไม่เรียกออกมาพูดคุยด้วยแต่อย่างใด
น.ส.วัลภา กล่าวต่อว่า ที่น่าเป็นห่วงขณะนี้ คือเด็กหญิงอายุ 14 ปี ที่ปิดประตูห้องไม่ยอมออกมาพบปะผู้คน แม้แต่เจ้าหน้าที่ เนื่องจากเขาถูกระทำซ้ำหลายครั้ง มีผลกระทบด้านสังคม และจิตใจค่อนข้างรุนแรง ซึ่งจะให้นักจิตวิทยามาพบเป็นการส่วนตัว ส่วนเรื่องคดีความก็ได้ติดตามและประสานกับทางเจ้าหน้าที่ตำรวจมาอย่างต่อเนื่อง
พล.ต.ต.สหรัฐ ศักดิ์ศิลปชัย ผบก.ภ.จว.ชุมพร เปิดเผยว่า คดีที่เกิดขึ้นกับเด็กหญิงอายุ 14 ปี ตั้งแต่ พ.ศ.2550-2557 จึงต้องใช้ที่เวลาในการรวบรวมพยานหลักฐาน และผู้ต้องหายังมาก่อเหตุกระทำซ้ำกับเด็กชาย และเด็กหญิงอีก 3 คน มีอายุตั้งแต่ 5-9 ปี ซึ่งเป็นญาติในครอบครัวเดียวกัน โดยยืนยันว่าจะให้ความเป็นธรรมกับผู้เสียหายอย่างถึงที่สุด ส่วนกรณีที่มีการข่มขู่ผู้เสียหายตนได้สั่งการให้ พ.ต.อ.ธราเทพ ตูพานิช ผกก.สภ.ปากน้ำหลังสวน เข้าไปดูแลอย่างเต็มที่แล้ว
พ.ญ.มธุรดา สุวรรณโพธิ์ ผู้อำนวยการสถาบันสุขภาพจิตเด็กและวัยรุ่นราชนครินทร์ แนะนำว่าหากเกิดเหตุการณ์ขึ้นล่วงละเมิดทางเพศเด็กในพื้นที่ชุมชน ควรพาเด็กไปอยู่ในสถานที่ที่ปลอดภัยที่สุดก่อน อย่างเช่นให้ไปอยู่ในโรงพยาบาลเพื่อตรวจดูว่าติดเชื้อทางเพศสัมพันธ์
นอกจากนี้ บทบาทของผู้ปกครองก็มีส่วนสำคัญในการประคับประคองจิตใจ รวมทั้งดูแลและป้องกันไม่ให้เกิดเหตุการณ์ซ้ำอีก และหากยังเรียนหนังสืออยู่ บทบาทของครู และเพื่อนในการประคับประคองจิตใจก็มีส่วนสำคัญเช่นเดียวกัน โดยการยอมรับและมองว่าผู้ที่โดนกระทำไม่ได้มีส่วนผิดอะไรที่ทำให้เกิดเหตุการณ์แบบนี้เกิดขึ้น
สำหรับคนในชุมชนไม่ควรไปตราหน้าว่าคนนั้นทำผิดทำถูก เพราะต้องอยู่ในชุมชนร่วมกัน หลายๆ กรณีต้องย้ายชุมชนหรือโรงเรียน เพราะรู้สึกอับอาย เพราะทนแรงกดดันไม่ได้ ซึ่งคนในชุมชนต้องให้โอกาส และเฝ้าระวังไม่ให้เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นมาอีก