วันนี้ (14 มิ.ย.2562) นายอำไพ สุขบำเพิง ผู้จัดการศูนย์บริการเทคโนโลยีนิวเคลียร์ สถาบันเทคโนโลยีนิวเคลียร์แห่งชาติ ชี้แจงกรณี ตัวแทนผู้จำหน่ายบัตรพลังงานนิวเคลียร์ นำเอกสารผลตรวจวิเคราะห์ องค์ประกอบธาตุ ประกอบการจำหน่ายบัตรพลังงานนิวเคลียร์ ราคา1,500 บาท ที่กำลังแพร่หลายในภาคใต้ และภาคอีสาน ว่าเอกสารที่นำมาประกอบการขาย เป็นเพียงผลตรวจวิเคราะห์ ที่บริษัท แอลเอ จีเนียส ประเทศไทยจำกัด นำตัวอย่างบัตรมาให้ตรวจสอบ ตั้งแต่ปี 2559
แต่จากนั้นก็พบว่าประชาชนออกมาร้องเรียน สำนักคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค (สคบ.) เมื่อ 3 ปี ที่ผ่านมา ว่ามีการนำบัตรไปขายในราคาแพง 600-700 บาท อ้างสรรพคุณ ประหยัดพลังงาน รักษาโรคได้ ขัดแย้งกับผลตรวจวิเคราะห์องค์ประกอบธาตุของสถาบันฯ ที่พบว่า ในบัตรมีสารกัมมันตรังสี เช่น ทอเรียม ยูเรเนียม สารรังสีอันตรายกับชีวิต
หากเข้าไปสะสมให้ร่างกายด้วยวิธีดื่ม-กิน ก็อาจเป็นมะเร็งได้ ดังนั้นใบรับรองที่ออกไปเป็นเพียงผลตรวจ ไม่ใช่การการันตี หรือยืนยันว่า บัตรนั้นรักษาโรคได้ โดยหลังจากที่มีปัญหาร้องเรียนในปี 2559 ศูนย์บริการเทคโนโลยีนิเวเคลียร์ ก็ไม่ได้รับตรวจวิเคราะห์สารกัมมันตรังสี ให้กับบริษัทไปใดอีกเลย เพราะกลัวว่าจะนำไปใช้เพื่อหลอกลวงประชาชน
ปกติแล้วพวกสารทอเรียม และยูเรเนียม ที่พบในบัตรพลังงานนิวเคลียร์ ประโยชน์ของมัน คือจะสกัดเอาไปทำเชื้อเพลิงพลังงานนิวเคลียร์ ไม่ใช่เอามาดื่ม-กิน
ขณะที่ รศ.ดร.วีรชัย พุทธวงศ์ อาจารย์ภาควิชาเคมีคณะศิลปศาสตร์และวิทยาศาสตร์ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ได้ส่งมอบบัตรพลังงานนิวเคลียร์ที่ได้มา ให้กับสถาบันเทคโนโลยีนิวเคลียร์แห่งชาติแล้ว เพื่อนำไปตรวจสอบว่า สารรังสีอันตรายที่อยู่ในบัตร มีมากน้อยแค่ไหน เพราะผลตรวจวิเคราะห์องค์ประกอบธาตุ เป็นผลตั้งแต่ปี 2559 หากตรวจได้ ก็จะรู้จำนวนบัตรที่แน่ชัดว่ามีอยู่ในประเทศไทยเท่าไหร่ เพราะบัตรนี้มีการยืนยันว่า มีต้นทางผลิตจากประเทศมาเลเซียด้วย ย้ำว่า ประชาชนไม่ควรนำมาดื่มกิ่น หรือนำมาห้อยเหมือนเครื่องรางของขลัง เพราะจะทำให้ได้รับสารอันตรายได้
ควรเอาบัตรนี้ออกห่างจากร่างกาย เพราะมันมีสารรังสีอันตราย ขั้นตอนต่อไปเราอยากให้มีการตรวจสอบบัตรนี้ เพื่อไม่ให้ประชาชนได้รับอันตราย
ขณะที่นายนาคาญ์ ทวิชาวัฒน์ อนุกรรมการยุทธศาสตร์ สถาบันเทคโนโลยีนิวเคลียร์แห่งชาติ ระบุว่า จะนำบัตรตัวอย่างไปตรวจสอบคาดจะรู้ผลไม่นาน ซึ่งหากบริษัทดังกล่าว มีการอวดอ้างสรรพคุณเกินจริง สถาบันฯ ก็สามารถที่จะเอาผิดตามกฎหมายได้ แต่ขอให้ประชาชนอย่าตื่นตระหนกมากนัก หากใช้บัตรนี้จุ่มน้ำดื่มก็ควรหยุด เพราะเกรงว่าจะเกิดอันตรายได้
อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง
อันตราย! บัตรเวทมนตร์ เจอสารกัมมันตรังสี
สั่งสแกน "บัตรเวทมนตร์" ลวงรักษาโรค