เมื่อวานนี้ (24 ก.ค.2562) นายปรีดี ดาวฉาย ประธานสมาคมธนาคารไทยและกรรมการผู้จัดการ ธนาคารกสิกรไทย เปิดเผยว่า สถานการณ์เศรษฐกิจโลกเริ่มเห็นสัญญาณดีขึ้น หลังจากปัญหาสงครามการค้าระหว่างสหรัฐฯและจีน รวมทั้งการถอนตัวของอังกฤษออกจากสหภาพยุโรป หรือ เบร็กซิท เริ่มคลี่คลาย จึงเชื่อว่าการส่งออกช่วงที่เหลือของปีจะมีทิศทางดีขึ้น อย่างไรก็ตาม หากต้องการให้เศรษฐกิจไทยขยายตัวร้อยละ 3 มูลค่าการส่งออกต่อเดือนในช่วงที่เหลือของปีต้องได้มากกว่า 22,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ
นายปรีดี ดาวฉาย
ทั้งนี้ เอกชนกำลังจับตามองการแถลงนโยบายของรัฐบาล โดยคาดหวังให้รัฐบาลมีเสถียรภาพทางการเมือง เพื่อผลักดันนโยบายเศรษฐกิจให้เกิดความต่อเนื่อง เพื่อสร้างความเชื่อมั่นการลงทุน ควบคู่กับการจัดลำดับความสำคัญของปัญหา เพื่อบริหารจัดการงบประมาณที่มีอยู่อย่างเหมาะสม ก่อนตัดสินใจออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจใดๆ
ธปท.เตือนรับมือกับดักหนี้
นายวิรไท สันติประภพ ผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย กล่าวว่า ปัญหาหนี้ครัวเรือนไทยปัจจุบันอยู่ในระดับสูงถึงร้อยละ 78.7 ต่ออัตราการขยายตัวเศรษฐกิจ (จีดีพี) และพบว่าคนไทยมีหนี้เร็วขึ้น และเป็นหนี้ตั้งแต่ตอนอายุยังน้อย โดยหนี้สินต่อคนเฉลี่ยเพิ่มขึ้นจากปี 2553 ประมาณคนละ 70,000 บาท เพิ่มขึ้นเป็นคนละ 150,000 บาท ไม่นับรวมหนี้นอกระบบ หนี้กองทุนกู้ยืมเพื่อการศึกษา หรือ กยศ. และหนี้สหกรณ์ออมทรัพย์
นายวิรไท สันติประภพ
ส่วนหนึ่งเป็นผลจากการที่ภาคธุรกิจพยายามกระตุ้นให้ลูกค้าซื้อของฟุ่มเฟือยหรือก่อหนี้จนเกินความจำเป็น จึงเป็นห่วงว่าปัญหาหนี้ครัวเรือนที่เพิ่มขึ้นเร็ว อาจสร้างปัญหาสังคม จึงต้องเร่งแก้ไขปัญหาดังกล่าว โดยออกมาตรการกำกับเพดานการปล่อยสินเชื่ออสังหาริมทรัพย์ และสินเชื่อบัตรเครดิต สินเชื่อบุคคล และสินเชื่อจำนำทะเบียนรถ พร้อมทั้งกำลังจับตาการปล่อยสินเชื่อเช่าซื้อรถที่กำลังขยายตัวเร็ว