วันนี้ (23 ส.ค.2562) ผู้สื่อข่าวรายงานความคืบหน้ากรณีที่ นายศุภกิจ จิตคล่องทรัพย์ ผู้อำนวยการ และ นายวัชรพงษ์ อภิญญานุรังสี ผู้จัดการโรงเรียนกรุงเทพคริสเตียนวิทยาลัย กำลังถูกสอบสวนจากคณะกรรมการสภาคริสตจักรในประเทศไทยกลับมาร้อนแรงอีกครั้งในสื่อโซเชียล หลังจากล่าสุดการเดินหน้าเรียกร้องให้มีการทบทวนการตั้งคณะกรรมการสอบสวนเพื่อพิจารณาความผิดเพื่อความโปร่งใสไม่เป็นผล
ยิ่งไปกว่านั้นสภาคริสตจักรในประเทศไทยมีมติถอดถอนผู้อำนวยการ และผู้จัดการ ออกจากคณะกรรมการบริหารโรงเรียนกรุงเทพคริสเตียนวิทยาลัย ในระหว่างรอฟังผลการสอบสวน หรือจนกว่าจะมีมติเปลี่ยนแปลง
ทั้งนี้ได้โอนย้ายไปประจำสำนักงานพันธกิจการศึกษาที่จังหวัดเชียงใหม่เป็นการชั่วคราว อย่างไรก็ตามประเด็นที่ทั้ง 2 คน ถูกกล่าวหานั้นระบุแต่เพียงว่าเกิดจากการบริหารงานใน 6 โครงการ ที่ดำเนินการผิดขั้นตอน
สำหรับโครงการที่เป็นประเด็นสำคัญคือข้อกล่าวหาการจัดซื้อที่ดินและโรงเรียนบึงกาฬคริสเตียน ซึ่งสภาคริสตจักรในประเทศไทยมองว่าเป็นการซื้อโดยพลการ แต่โครงการนี้ได้รับการอนุมัติจากสภาไปแล้ว
แม้ว่าสมาคมศิษย์เก่ากรุงเทพคริสเตียน รวมถึงโรงเรียนได้ออกมาร้องเรียนให้มีการพิจารณาการตั้งคณะกรรมการใหม่ไปแล้ว เนื่องจากบุคคลที่เป็นผู้ตั้งข้อกล่าวหาผู้อำนวยการ และ ผู้จัดการโรงเรียน เป็นบุคคลที่อยู่ในกรรมการสอบสวน และ เป็นผู้ตัดสิน กระบวนการสอบสวนจึงถูกมองว่าผิดหลักมาตรฐานความโปร่งใส โดยผู้ถูกสอบสวนอาจจะไม่ได้รับความเป็นธรรม และมีคำถามอีกว่าสภาได้ทำตามขั้นตอนของธรรมนูญแห่งสภาคริสตจักรในประเทศไทยที่กำหนดไว้หรือไม่?
โดยล่าสุด 1ใน 3 ของกรรมการตีความธรรมนูญได้แสดงเจตนาขอลาออกไปแล้ว โดยอ้างเหตุผลว่ารู้สึกแปลกใจ ไม่อยากเชื่อว่าเรื่องนี้จะเกิดขึ้นในสภาคริสตจักร และที่สำคัญคือเหตุผลที่เผยว่ารู้สึกอับอาย
แล้วทำไมต้อง #SAVE BCC
เหตุใดปัญหาจากการถอนถอนผู้อำนวยการ และผู้จัดการโรงเรียนจึงทำให้มีกระแสออกมาเคลื่อนไหวร่วมกัน #SAVE BCC ในเมื่อผู้ได้รับผลกระทบน่าจะมีเพียง ผู้อำนวยการ และผู้จัดการโรงเรียน แต่จริงๆแล้วปัญหานี้ได้สร้างผลกระทบโดยตรงกับครู และนักเรียนอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้เช่นกัน
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ครูหลายคนออกมาระบายความรู้สึกทางโซเชียล สะท้อนถึงปัญหาหลายด้าน ทั้งการที่ครูต้องช่วยกันออกเงินให้ครูพิเศษเพราะสภาไม่อนุมัติงบประมาณ, โรงเรียนไม่ได้รับการจัดสรรงบประมาณอาหารว่างให้นักเรียน ผู้ปกครองต้องช่วยกันทำขนมไปแจกจ่าย, และในปีนี้ยังไม่ได้รับการอนุมัติงบประมาณสำหรับการเตรียมแข่งฟุตบอลจตุรมิตรสามัคคีครั้งที่ 29 ที่จะเปิดฉากในวันที่ 9-16 พ.ย.นี้
ครูบางคนตัดพ้อสภาคริสตจักรว่า การเบิกจ่ายบางรายการ ทำมา 20-30 ปีแล้ว แต่สภาไม่เคยมีการท้วงติงมาก่อน และแม้จะผิดขั้นตอน แต่เมื่อดูรายละเอียดก็จะเห็นว่าถือประโยชน์ของนักเรียนเป็นหลัก
สภาคริสตจักรในประเทศไทยที่ทำงานรับใช้พระเจ้า อันมีคณะบริหารที่ทรงคุณวุฒิ ย่อมเป็นที่คาดหวังของสังคมในการบริหารด้วยหลักธรรมาภิบาล แต่เหตุการณ์ครั้งนี้สภาคริสตจักรไม่ได้ชี้แจงรายละเอียดที่เพียงพอ ดังนั้นจึงไม่พ้นในการถูกตั้งคำถาม ซึ่งการเคลื่อนไหวของโรงเรียน รวมถึงศิษย์เก่า ปัจจุบัน และผู้ปกครองที่สื่อสารออกมาภายนอกด้วยสื่อโซเชียลได้สร้างผลกระทบต่อชื่อเสียงของสภาคริสตจักรไม่น้อย และอาจเป็นปัจจัยสำคัญในการจุดพลังการเคลื่อนไหวอีกครั้งของกลุ่มที่สนับสนุนโรงเรียนและกำลังเรียกร้องความโปร่งใสในการสอบสวนครั้งนี้ หรืออาจนำไปสู่การตรวจสอบการบริหารงานของสภาคริสตจักรในประเทศไทย