วันนี้ ( 24 ก.ย. 2562 ) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในการประชุม กกต.เมื่อปลายสิงหาคมที่ผ่านมาได้มีมติเสนอสั่งให้มีการเลือกตั้งใหม่ หรือ ให้ใบเหลือง นายกรุงศรีวิไล สุทินเผือก ส.ส.สุมทรปราการ เขต 5 พรรคพลังประชารัฐ เหตุจากกรณีบุคคลใกล้ชิดใส่ซองช่วยงานศพ ซึ่งกกต.เห็นว่าเข้าข่ายเป็นความผิดตาม พ.ร.ป.ว่าด้วยการเลือกตั้ง ส.ส.มาตรา 73(1) ให้ เสนอให้ทรัพย์สินหรือประโยชน์อื่นใดอันอาจคำนวณเป็นเงินได้ เพื่อจูงใจให้ผู้มีสิทธิเลือกตั้ง ลงคะแนนให้แก่ตนเอง
และยังมีมติเสนอสั่งเพิกถอนสิทธิเลือกตั้ง หรือ ใบแดง และสั่งเพิกถอนสิทธิสมัคร หรือ ใบดำ นายชาติชาย วรพิพัฒน์ ผู้สมัครส.ส. เขต 2 จันทบุรี พรรคประชาธิปัตย์ ซึ่งคาดว่าน่าจะมาเหตุซื้อเสียง โดยทั้ง 2 กรณีอยู่ระหว่างกกต.ยกร่างคำวินิจฉัยและคำร้องเพื่อยื่นต่อศาลฎีกาตามพ.ร.ป.ว่าด้วยการเลือกตั้งส.ส. มาตรา 133
นอกจากนี้ยังมีมติให้ดำเนินคดีอาญาผู้สมัครที่ไม่ได้รับเลือกตั้ง 2 คนคือ นายโอวภัทร คลังเพ็ชร์ ผู้สมัครส.ส.เขต 4 พิษณุโลก พรรคภราดรภาพ และนายทินกร แก้วกล้า ผู้สมัครส.ส.เขต 4 เชียงราย พรรคประชาธิปัตย์ และผู้ที่ไม่ได้เป็นผู้สมัคร 5 คน
ทั้งนี้กรณีของนายกรุงศรีวิไล และนายชาติชายนั้น หากศาลฎีกามีคำพิพากษายืนตามที่ กกต.เสนอภายในระยะเวลา 1 ปีนับจากวันเลือกตั้ง 24 มี.ค. 62 ก็จะต้องมีการคำนวณคะแนนส.ส.บัญชีรายชื่อของพรรคการเมืองใหม่ตามพ.ร.ป.ว่าด้วยการเลือกตั้งส.ส.มาตรา 131 โดยจากการเลือกตั้งเมื่อวันที่ 24 มี.ค. นายกรุงศรีวิไล ได้รับเลือกตั้งมาด้วยคะแนน 41,745 คะแนน ส่วนนายชาติชาย ได้รับคะแนนมาเป็นอันดับ 3 ด้วยคะแนน 19,711 คะแนน ซึ่งถ้าหากศาลฎีกา มีคำพิพากษาหลังพ้นระยะเวลา 1 ปีนับแต่วันเลือกตั้ง ก็จะไม่มีการคำนวณคะแนนส.ส.บัญชีรายชื่อใหม่
ทั้งนี้ตามจากสถิติเรื่องร้องคัดค้านและสำนวนการเลือกตั้ง ในวันที่ 23 ก.ย พบว่า กกต.มีเรื่องคัดค้านจำนวน 583 เรื่อง สั่งรับคำร้องหรือความปรากฏไว้ดำเนินการสืบสวนไต่สวน 355 เรื่อง จำหน่ายและรวมสำนวน 74 เรื่อง โดยยังเหลือสำนวนที่ต้องดำเนินการอีก 281 สำนวน และกกต.วินิจฉัยชี้ขาดแล้ว 144 สำนวน ยกคำร้องและยุติเรื่อง 134 สำนวน ยังไม่ได้วินิจฉัยชี้ขาด 137 สำนวน