วันนี้ (30 ต.ค.2562) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ตัวแทนครูและผู้บริหารสถานศึกษาจาก 77 จังหวัด จำนวนกว่า 1,000 คน แต่งชุดดำเข้ารัฐสภา ยื่นหนังสือร้องเรียนต่อ ส.ส.จากพรรรการเมืองต่าง ๆ พรรคครูไทยเพื่อประชาชน พรรคไทยศรีวิไลย์ พรรคประชาธรรมไทย พรรครักษ์ผืนป่าประเทศไทย พรรคพลังท้องถิ่นไท พรรคพลังประชารัฐ พรรคอนาคตใหม่ และพรรคเพื่อไทย
เพื่อคัดค้านการปรับแก้ พ.ร.บ.การศึกษาแห่งชาติ โดยเฉพาะประเด็นให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการและปลัดกระทรวงศึกษาธิการ เป็นผู้บังคับบัญชาข้าราชการทุกตำแหน่งในกระทรวง และมีอำนาจในการออกคำสั่งปรับระบบภายในกระทรวง
นายธนชน มุทาพร ประธานชมรมผู้อำนวยการสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาแห่งประเทศไทย ในฐานะตัวแทนกลุ่มผู้เรียกร้อง กล่าวว่า การบริหารการศึกษาไทยควรเป็นรูปแบบการกระจายอำนาจ ไม่ใช่ระบบรวบอำนาจแบบ Single Command และขอให้ทบทวนร่าง พ.ร.บ.ข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา โดยแยกงานบริหารบุคคลออกจากคณะกรรมการศึกษาธิการจังหวัด (กศจ.) คืนกลับมาให้สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษา (สพท.) ดำเนินการเช่นเดิม
รวมทั้งขอให้ยกเลิกคำสั่ง คสช.ที่เกี่ยวข้องและทำให้เกิดปัญหา และให้คงคำว่าใบประกอบวิชาชีพ คงตำแหน่งผู้อำนวยการสถานศึกษา และรองผู้อำนวยการโรงเรียนโดยต้องมาจากวิชาชีพครู ตามเงื่อนไข พ.ร.บ.การศึกษาแห่งชาติ พ.ศ.2542
นายปรีดา บุญเพลิง ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคครูไทยเพื่อประชาชน ในฐานะที่ปรึกษาคณะกรรมาธิการการศึกษา สภาผู้แทนราษฎร กล่าวว่าจะรับเรื่องเพื่อให้คณะกรรมาธิการพิจารณา ย้ำว่าปัญหาจะต้องได้รับการแก้ไขโดยรัฐบาลของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี โดยช่วงบ่ายวันที่ 6 พ.ย.นี้จะนำข้อร้องเรียนไปยื่นต่อประธานสภาผู้แทนราษฎรด้วย
ขณะที่นายมงคลกิตติ์ สุขสินธารานนท์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคไทยศรีวิไลย์ ระบุว่า เรื่องร้องเรียนดังกล่าวเป็นเรื่องเกี่ยวกับกฎหมาย โดยขณะนี้มีอยู่ 10 เสียงแล้ว ที่ไม่เห็นด้วยกับร่างแก้ไข พ.ร.บ.การศึกษาแห่งชาติ หาก 50 เสียงนี้ไม่ลงมติเห็นชอบให้ แล้วร่างฯไม่ผ่านการพิจารณา นายกรัฐมนตรีและคณะรัฐมนตรีจะต้องลาออกทั้งคณะ ดังนั้นนายกรัฐมนตรีและนายณัฏฐพล ทีปสุวรรณ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ ควรจะนำร่าง พ.ร.บ.การศึกษาแห่งชาติ กลับไปแก้ไขจนกว่าจะเป็นที่น่าพอใจ แต่หากยังมีการผลักดันร่างกฎหมาย ก็ขอให้ครูมารวมตัวกันที่รัฐสภา