วันนี้ (14 พ.ย.2562) สำนักข่าวบีบีซี รายงานว่า เกิดน้ำท่วมรุนแรงในเวนิส ประเทศอิตาลี โดย นายลุยจิ บรุกนาโร (Luigi Brugnaro) นายกเทศมนตรีเวนิส ระบุว่า น้ำท่วมในครั้งนี้นับว่าหนักสุดในรอบ 50 ปี โดยเป็นผลมาจากการเปลี่ยนแปลงทางสภาพภูมิอากาศโดยตรง
นับตั้งแต่มีการบันทึกข้อมูลระดับน้ำท่วมอย่างเป็นทางการในปี พ.ศ.2466 ปรากฏการณ์น้ำทะเลยกสูงจากฝนตกหนัก ส่งผลให้มีน้ำท่วมเวนิสในปีนี้มีระดับสูง 1.87 เมตร ซึ่งเป็นสถิติที่ต่ำกว่าเหตุน้ำท่วมเมื่อปี พ.ศ.2509 หรือ 53 ปีก่อน ซึ่งมีน้ำท่วมสูงถึง 1.94 เมตร เพียงไม่กี่เซนติเมตร
แหล่งท่องเที่ยวสำคัญของเวนิสถูกน้ำท่วมหลายแห่ง โดยจัตุรัสเซนต์มาร์ก เป็นพื้นที่ต่ำที่สุดของเมือง และได้รับผลกระทบหนักที่สุด ขณะที่โบสถ์บาซิลิกาถูกน้ำท่วมเป็นครั้งที่ 6 ในรอบ 1,200 ปี ส่วนร้านค้าและร้านอาหารในเมืองเวนิสต่างได้รับผลกระทบจากน้ำท่วมครั้งนี้ แม้หลายคนจะพยายามขนย้ายสิ่งของเพื่อลดความเสียหาย ผู้คนต้องเดินลุยน้ำไปตามถนน นอกจากนี้ โรงเรียนหลายแห่งยังคงต้องปิดการเรียนการสอนจนกว่าระดับน้ำจะลดลง
นายกเทศมนตรีเมืองเวนิส กล่าวอีกว่า น้ำท่วมในครั้งนี้สร้างความเสียหายให้เวนิสเป็นอย่างมาก โดยจะประกาศให้เวนิสเป็นเขตภัยพิบัติและเตือนว่าน้ำที่ท่วมขังจะ “ทิ้งร่องรอยไว้อย่างถาวร” พร้อมขอให้ชาวเวนิสร่วมกันทวีตข้อความและรูปภาพความเสียหายจากน้ำท่วมในครั้งนี้ เพื่อขอความช่วยเหลือจากรัฐบาลผ่านสื่อสังคมออนไลน์
นอกจากนี้ ยังมีรายงานว่า เจ้าหน้าที่พบผู้เสียชีวิต 2 คนบนเกาะเปลเลสตรินา (Pellestrina) ซึ่งเป็นดินแดนแถบที่กั้นทะเลสาบจากทะเลเอเดรียติก โดยชายคนหนึ่งถูกไฟดูด ขณะที่พยายามปั๊มน้ำออกจากบ้านของเขาและคนที่สองถูกพบว่าเสียชีวิตที่อื่น
สำหรับเวนิส ประสบน้ำท่วมเป็นประจำทุกปี โครงการป้องกันเมืองจากอุทกภัยจึงได้เริ่มดำเนินการมาตั้งแต่ปี 2546 แต่ได้พบปัญหาด้านต้นทุนและความเห็นที่ขัดแย้งกันจนทำให้โครงการเกิดความล่าช้า แต่ต่อมาโครงการสร้างประตูระบายน้ำขนาดใหญ่ที่จะยกระดับจากก้นทะเล เพื่อปิดทะเลสาบในกรณีที่ระดับน้ำทะเลสูงขึ้น ได้รับการทดสอบและประสบความสำเร็จเป็นครั้งแรกในปี พ.ศ. 2556 แต่ต้องใช้เงินลงทุนไปหลายพันล้านยูโร ทั้งนี้ ตามที่กระทรวงโครงสร้างพื้นฐานของอิตาลี ระบุ โครงการป้องกันอุทกภัยนี้จะถูกส่งมอบให้กับสภาเมืองเวนิส ในช่วงปลายปี 2564 หลังจากการทดสอบ "ขั้นสุดท้าย"