วันนี้ (22 ม.ค.2563) นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงกรณีที่นายนิพิฏฐ์ อินทรสมบัติ รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ออกมาเปิดข้อมูลลงคะแนนหรือเสียบบัตรเเทนกันของนายฉลอง เทอดวีระพงศ์ ส.ส.พัทลุง พรรคภูมิใจไทย ว่า กรณีดังกล่าวเป็นเรื่องของสภาฯ จึงต้องให้สภาฯ ไปตรวจสอบข้อเท็จจริง ซึ่งจะมีความผิดหรือไม่นั้น ต้องดูว่ามีการใช้สิทธิของการเสียบบัตรโหวตลงคะแนนถูกต้องหรือไม่ และจะส่งผลกระทบต่อร่าง พ.ร.บ.งบประมาณรายจ่าย ประจำปีงบประมาณ 2563 ทำให้โมฆะหรือไม่ โดยมองว่าการกระทำผิดในเรื่องเสียบบัตรแทนกันเป็นเรื่องที่สภาฯต้องตรวจสอบ เพราะที่ผ่านมาเคยเกิดกรณีคล้ายกันและเคยส่งเรื่องให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัย ในปี 2556 และ 2557 ซึ่งทั้ง 2 เรื่องนี้มีการกระทำเสียบบัตรแทนกัน แต่รายละเอียดของทั้งสองไม่เหมือนกัน ต่างกันในข้อกล่าวหาอื่นๆ
นายวิษณุกล่าวต่อว่า หากมีข้อสงสัย ก็ต้องส่งเรื่องไปยังศาลรัฐธรรมนูญ โดยให้ส.ส. รวบรวมรายชื่อ ส่งเรื่องให้ประธานสภา เพื่อส่งต่อศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัย ส่วนการที่กฏหมายจะมีความเป็นโมฆะหรือไม่นั้น ขึ้นอยู่กับมติในการลงคะแนนว่าถูกต้องหรือไม่ แต่ในเรื่อง พ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ 2563 จะต้องดำเนินการตามมาตรา 143 ของรัฐธรรมนูญ ต้องมีการพิจารณาให้เสร็จภายใน 105 วัน แต่หากการพิจารณาไม่เสร็จ ให้ถือว่าแล้วเสร็จ รวมถึงการที่สมาชิกวุฒิสมาชิกได้พิจารณางบประมาณรายจ่าย ประจำปีงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ 2563 ก็ต้องทำให้ถูกค้องตามกฏหมาย ภายใน 20 วัน
ทั้งนี้ นายวิษณุกล่าวว่า ไม่สามารถบอกได้ว่าผลจะเป็นอย่างไร ต้องให้ศาลรัฐธรรมนูญ และต้องส่งผลการตรวจสอบข้อเท็จจริง แต่ยอมรับว่าส่งผลกระทบ เมื่อรับเรื่องไปจะทำให้การใช้งบประมาณปี 2563 เกิดความล่าช้า แต่ไม่ถึงขั้นวิบัติ แต่ช้าแน่ๆ แต่จะไม่ส่งผลกระทบต่องบฯที่ต้องใช้เป็นประจำ เช่น เงินเดือน เนื่องจากรัฐธรรมนูญระบุไว้ให้ใช้งบฯ เก่าไปพลางก่อน ซึ่งงบฯ ลงทุน อาทิ โครงการทำถนน รัฐบาลจะไม่แตะต้อง เรื่องนี้สำนักงบประมาณได้เตรียมการไว้แล้ว รอจนกว่าจะวินิจฉัยเสร็จ