วันนี้ (21 เม.ย.2563) นางนฤมล ภิญโญสินวัฒน์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า คณะรัฐมนตรี (ครม.) มีมติเห็นชอบในหลักการการขยายกลุ่มเป้าหมายผู้ได้รับสิทธิของมาตรการชดเชยรายได้แก่ลูกจ้างของสถานประกอบการที่ได้รับผลกระทบ หรือผู้ได้รับผลกระทบอื่นๆ ของการแพร่ระบาดของ COVID-19 ให้ครอบคลุมทั่วถึงผู้ได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดของไวรัส COVID-19 จากเดิม 9 ล้านคน เป็น 14 ล้านคน ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ ทำให้ต้องใช้งบประมาณเพิ่มขึ้นจาก 135,000 ล้านบาท เป็น 210,000 ล้านบาท
โดยก่อนหน้านี้ ครม.ได้มีมติเมื่อวันที่ 24 มี.ค.2563 เห็นชอบในหลักการมาตรการชดเชยรายได้แก่ลูกจ้างของสถานประกอบการที่ได้รับผลกระทบหรือผู้ได้รับผลกระทบอื่นๆ ของการแพร่ระบาดของไวรัส COVID-19 ซึ่งเป็นมาตรการและโครงการภายใต้ชุดมาตรการดูแลและเยียวยาผลกระทบจากไวรัส COVID-19 ต่อเศรษฐกิจไทยทั้งทางตรงและทางอ้อม ระยะที่ 2 และได้มีมติเมื่อวันที่ 31 มี.ค.2563 เห็นชอบการขยายกลุ่มเป้าหมาย เพื่อดำเนินมาตรการฯ เป็นจำนวน 9 ล้านคน รวมทั้งเห็นชอบแนวทางการใช้จ่ายงบประมาณตามที่กระทรวงการคลังเสนอนั้น
กระทรวงการคลังได้เปิดให้ผู้ได้รับผลกระทบลงทะเบียนตามมาตรการฯ และพบว่าผู้ที่ได้รับผลกระทบมีมากกว่าที่ได้ประมาณการไว้ อีกทั้งจากการรับเรื่องร้องเรียนเกี่ยวกับผู้เข้าข่ายได้รับสิทธิในการชดเชยรายได้ตามมาตรการฯ พบว่าผู้ได้รับผลกระทบบางส่วน มีรายชื่อปรากฏอยู่ในฐานข้อมูลผู้ประกอบอาชีพเกษตรกรรม หรือฐานข้อมูลนักเรียน/นักศึกษา แต่ประกอบอาชีพลูกจ้าง แรงงาน หรือประกอบอาชีพอิสระเป็นอาชีพหลัก ดังนั้น เพื่อให้สามารถช่วยเหลือผู้ได้รับผลกระทบอย่างทั่วถึง กระทรวงการคลัง จึงเห็นสมควรเสนอทบทวนมติคณะรัฐมนตรีเกี่ยวกับมาตรการฯ ดังกล่าว
นอกจากนี้ ในปัจจุบันสถานการณ์การแพร่ระบาดของไวรัส COVID-19 ยังคงส่งผลกระทบต่อประชาชนในวงกว้างและทุกพื้นที่ จึงจำเป็นต้องเร่งให้ความช่วยเหลือแก่ผู้ได้รับผลกระทบ และบรรเทาผลกระทบที่อาจเกิดขึ้นต่อเศรษฐกิจไทยในอนาคต
กระทรวงการคลังพิจารณาแล้ว จึงเห็นสมควรเสนอทบทวนมติคณะรัฐมนตรีเกี่ยวกับมาตรการฯ เพื่อให้สามารถช่วยเหลือผู้ได้รับผลกระทบอย่างทั่วถึง โดยขยายจำนวนผู้เข้าข่ายได้รับสิทธิของมาตรการฯ ให้ครอบคลุมทั่วถึงผู้ได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดของไวรัส COVID-19 จากเดิมจำนวน 9 ล้านคน เป็น 14 ล้านคน
สำหรับเรื่องงบประมาณนั้น ที่ประชุม ครม.ได้ให้กระทรวงการคลัง และสำนักงบประมาณพิจารณาร่วมกันอีกครั้ง ถึงแหล่งเงินงบประมาณที่จะสามารถนำมาใช้ดำเนินการได้ทันการณ์ อนึ่ง จากการเปิดให้ผู้ได้รับผลกระทบลงทะเบียนตามมาตรการฯ ตั้งแต่วันที่ 28 มี.ค.-17 เม.ย.2563 พบว่าผู้ลงทะเบียนมีจำนวนรวม 28 ล้านคน ซึ่งมีจำนวนมากกว่าที่ได้ประมาณการไว้