วันนี้ (7 ก.ค.2563) กรณีผู้ใช้เฟซบุ๊ก Kit Kantakit โพสต์ข้อความพร้อมภาพเหตุการณ์คนจูงหมาเดินเล่น โดยระบุว่าเขาใหญ่ เปิดมาได้ 5 วัน สรุปมันก็เข้ามาแบบเดิมอีก ห้ามเอาสัตว์เลี้ยง (หมา) ขึ้นเขาใหญ่ ก็มีคนแอบเอาขึ้นกัน แถมเอาลงมาเดินจูงเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น นี่ขนาดหน้าด่านตรวจ COVID-19 ยังมีขึ้นมาให้เห็น ถ้าไม่มีสามัญสำนึกกันขนาดนี้อย่ามาเที่ยวกันเลยครับ อยู่บ้านเลี้ยงหมากันเถอะ ปล.ขอบคุณเจ้าของภาพด้วย
ไทยพีบีเอสออนไลน์ สัมภาษณ์ผู้โพสต์คือ นายกันฐกิตฐ์ ทิพย์ทองพูน อาสาสมัครช่างภาพเขาใหญ่ กล่าวว่า ภาพเหตุการณ์ดังกล่าวได้รับภาพมาจากกลุ่มนักอนุรักษ์บนเขาใหญ่ ที่ไปเจอเมื่อวันที่ 4 ก.ค.ที่ผ่านมา โดยที่เห็นและถ่ายภาพได้มีหมาอย่างน้อย 3 ตัวที่พบนักท่องเที่ยวแอบลักลอบนำขึ้นไปบนอุทยานแห่งชาติเขาใหญ่ ทั้งที่มีระเบียบบังคับอยู่แล้วว่าห้ามนำสัตว์เลี้ยงทุกชนิดขึ้นไป เพราะเสี่ยงต่อการเกิดโรคจากสัตว์บ้านสู่สัตว์ป่า
วันนี้ได้นำหลักฐานภาพถ่าย รายละเอียดทะเบียนรถนักท่องเที่ยวไปมอบให้กับ พ.ต.นรินทร์ ปิ่นสกุล หัวหน้าอุทยานแห่งขาติเขาใหญ่ เพื่อนำไปลงบันทึกประจำวัน และเอาผิดตามพ.ร.บ.อุทยานแห่งชาติแล้ว ซึ่งมีโทษปรับไม่เกิน 10,000 บาท
ภาพ:เฟซบุ๊ก Kit Kantakit
แห่เซลฟี่ในโป่งสัตว์ป่า-เมินระเบียบ
นายกันฐกิตฐ์ กล่าวอีกว่า สำหรับการนำสุนัขขึ้นไปเขาใหญ่ พบว่าจุดยอดนิยมที่มักจะนำไปถ่ายรูปและเดินเล่น อยู่แถวอ่างเก็บน้ำสายศร ลานจอดเฮลิคอปเตอร์ ต้นมะม่วง เพราะบริเวณนี้มีชายป่า และพื้นที่ให้สุนัขเดินเล่นได้ ซึ่งนอกจากจะมีสุนัขแล้ว ก่อนหน้านี้เคยได้ยินว่ามีการนำงูหลาม งูเหลือมเข้ามาในพื้นที่ เรื่องนี้แม้จะมีการเตือน แต่อยากให้ทางอุทยานฯ ประชาสัมพันธ์ให้ทั่วถึงมากกว่านี้ รวมทั้งบอกเรื่องบทลงโทษ และควรปรับจริงจังกับกลุ่มที่ฝ่าฝืนระเบียบ
ขณะที่ช่วงวันหยุดยาว ยังพบพฤติกรรมของนักท่องเที่ยวบางกลุ่มที่ฝ่าฝืนแนวทางการปฎิบัติในการเที่ยวอุทยานฯ เช่น การลงไปถ่ายรูปในโป่ง แถวพื้นที่โป่งทุ่งกวาง และโป่งชมรมเพื่อน ซึ่งเป็นสิ่งที่ไม่ควรกระทำ เพราะโป่ง เป็นพื้นที่มีสัตว์ป่า เช่น ช้าง เก้ง และสัตว์อื่นๆจะลงมากินเกลือแร่ในโป่ง หากมีคนเข้าไปจะทำให้มีกลิ่นคน แปลกปลอมเข้าไปจนสัตว์ป่าไม่กล้าเข้ามาใช้พื้นที่
การลักลอบนำสัตว์ป่าเข้ามา ไม่ใช่ความผิดของเจ้าหน้าที่ แต่ขึ้นกับจิตสำนึกของนักท่องเที่ยว ทั้งที่รู้ว่ามีกฏระเบียบอยู่แล้ว ก็ยังไม่สนใจ ลำพังภารกิจของเจ้าหน้าที่ที่คอยประจำจุดต่างๆเพื่อตรวจสอบคนตามมาตรการ COVID-19 และดูความปลอดภัยก็หนักอยู่แล้ว
สำหรับโทษของการฝ่าฝืนไม่ปฏิบัติตามเงื่อนไขของเจ้าหน้าที่ตามพ.ร.บ.อุทยานแห่งชาติ ตามมาตรา 21 ซึ่งมีบทกำหนดโทษตามมาตรา 47 ต้องระวางโทษปรับไม่เกิน 10,0000 บาท
ภาพ:เฟซบุ๊ก Narin Pin
หายนะ "โรคจากสัตว์บ้านสู่สัตว์ป่า"
ขณะที่ พ.ต.นรินทร์ กล่าวว่า ได้มอบหมายให้เจ้าหน้าที่นำหลักฐานภาพถ่าย ทะเบียนรถของนักท่องเที่ยวไปแจ้งความเอาผิดที่ สภ.นครนายก ข้อหาฝ่าฝืนนำสัตว์เข้าในพื้นที่อุทยานแห่งชาติ เพราะถือว่าจงใจแอบลักลอบพาสัตว์เลี้ยงเข้าพื้นที่ ทั้งที่มีการเตือนอยู่แล้ว ทั้งนี้หากนักท่องเที่ยวที่รู้ตัวเองว่าอยู่ในภาพที่ปรากฎในสื่อสังคมออนไลน์ ขอให้มารายงานตัวกับพนักงานสอบสวนด้วย
การละเมิดของนักท่องเที่ยว แม้บางคนจะอ้างว่ารู้เท่าไม่ถึงการณ์ แต่สัตวแพทย์ ระบุว่าการนำสัตว์เลี้ยงขึ้นไปอุทยาน เช่น หากไปถ่ายมูลไว้ และมีสัตว์ป่ามากิน อาจเสี่ยงจะติดโรคจากสัตว์เลี้ยง และทำให้สัตว์ป่ามีสุขภาพอ่อนแอ ซึ่งนายสัตวแพทย์เกษตร สุเตชะ สัตวแพทย์ประจำคลินิกสัตว์ เลี้ยงพิเศษ โรงพยาบาลสัตว์ คณะสัตวแพทย์มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ (มก.) บอกว่า ปัญหานักท่องเที่ยวการแอบนำสัตว์เลี้ยงเข้าไปบนอุทยานแห่งชาติ โดยเฉพาะสุนัขและแมว มักเจอบ่อยครั้ง ถือเป็นเรื่องอันตรายมากต่อการนำโรคติดต่อจากสัตว์เลี้ยงไปสู่สัตว์ป่าในกลุ่มสายพันธุ์ใกล้เคียงกัน
เขาบอกว่า ในอุทยานแห่งชาติเขาใหญ่ มีสัตว์ป่า เช่น หมาจิ้งจอก หมาใน กลุ่มแมวดาว เสือโคร่ง เสือลายเมฆ จึงสุ่มเสี่ยงมาก เพราะในตัวสุนัข และแมวจะมีโรคพยาธิในทางเดินอาหาร และปรสิตนอก เช่น เห็บ หมัด และพยาธิในเม็ดเลือดที่นำโดยตัวเห็บ
ถ้าแอบลักลอบนำสุนัข แมวเข้าไปบนอุทยานยากที่จะหลีกเลี่ยงนำสัตว์เลี้ยงลงไปขับถ่ายในพื้นที่ธรรม ชาติ ทั้งต้นไม้ ข้างเต็นท์ ข้างรถ มูลของสัตว์มีโอกาสที่มีตัวอ่อนของหนอนพยาธิ โปรโตซัวลงในดิน ในพื้นที่หญ้า
นอกจากนี้ ในต่างประเทศ เคยเกิดขึ้นจากปัญหาโรคไวรัสจากหมาบ้าน สู่หมาป่าที่ทวีปแอฟริกา กรณีที่หมาป่าในธรรมชาติตายลงเกือบครึ่งของประชากร เมื่อสอบสวนโรคจึงรู้ว่าการระบาดของโรคมาจากเชื้อจากหมาบ้าน ส่วนในไทยมีตัวอย่างจากเคสกระทิงตายที่กุยบุรี สอบสวนโรคว่าเกิดจากปศุสัตว์ คือการนำแพะไปเลี้ยงใกล้แนวอุทยาน
ภาพ:กรมอุทยานแห่งชาติสัตว์ป่าและพันธุ์พืช
เช็กด่วนกฎ-ข้อห้ามเที่ยวอุทยาน
ขณะนี้กรมอุทยานฯ แก้ปัญหาเบื้องต้นด้วยการต้องมีการตั้งกรงรับฝากหน้าด่าน เพราะในแต่ละเดือนมีการพบนักท่องเที่ยวลักลอบนำสัตว์ไปด้วยไม่ต่ำกว่า 5-6 ครั้ง ส่วนใหญ่บอกว่าจากการรุ้เท่าไม่ถึงการณ์ และบางคนรู้แต่ยังฝ่าฝืน และสำนักอุทยานแห่งชาติมีมาตรการในการเที่ยวอุทยาน ห้ามนำสัตว์เลี้ยงเข้ามา และในแนวปฏิบัติ เหตุผลที่นำเข้าคือการแอบนำสัตว์เข้ามา ในการตรวจยานพาหนะ เช่น เปิดกระจกทุกบาน เจ้าหน้าที่ใช้การดมกลิ่นของสุนัข เพราะแชมพู สังเกตขนสัตว์ตามเบาะรถ เช่นเบาะดำแต่ขนสีขาว หรือถามตรงว่ามีการนำสัตว์ เลี้ยงสุนัขเข้ามาหรือไม่
ทั้งนี้ส่วนอุทยานแห่งชาติ กรมอุทยานแห่งชาติสัตว์ป่าและพันธ์ุพืช เผยแพร่ข้อห้าม ดังนี้
- ห้ามให้อาหารสัตว์
- ห้ามนำภาชนะที่ทำด้วยโฟมเข้าในเขตอุทยาน
- ห้ามเก็บพันธุ์ไม้/ดอกไม้
- ห้ามขีดเขียนในอุทยานแห่งชาติ
- ห้ามล่าสัตว์ป่า
- ห้ามก่อกองไฟ
- ห้ามนำเครื่องดื่มแอลกอฮอล์เข้าภายในอุทยานแห่งชาติ
- ห้ามส่งเสียงดัง
- ห้ามนำสัตว์เลี้ยงหรือสัตว์ต่างถิ่นเข้า
- ห้ามพกพาอาวุธเข้าอุทยานแห่งชาติ
- ห้ามเดินออกนอกเส้นทาง
- ห้ามทิ้งขยะ
- ไม่นำสารเคมีอันตรายเข้าป่า
- ไม่ขับรถเร็วเกินที่กำหนด
อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง
เช็กด่วน! กฎ-ข้อห้ามเที่ยวอุทยานแบบไม่ขัดใจรับปีใหม่
งัด ม.16 ห้ามสัตว์เลี้ยงเข้าอุทยานฯ เจอปรับทันที 1,000 บาท