คาดอีก 2 เดือน "มาเรียมสตัฟฟ์ “ พร้อมอวดโฉม

ครบรอบ 1 ปี "มาเรียม"พะยูนแห่งเกาะลิบง จ.ตรัง นักสตัฟฟ์สัตว์องค์การพิพิธภัณฑ์วิทยาศาสตร์แห่งชาติ เร่งสตัฟฟ์มาเรียม คาดแล้วเสร็จภายใน 1-2 เดือนนี้ โดยมั่นใจจะทำให้มาเรียมกลับมาสู่ความทรงจำที่ประทับใจเหมือนเดิม

ไทยพีบีเอสออนไลน์ สัมภาษณ์นายวัชระ สงวนสมบัติ ผอ.กองวัสดุอุเทศธรรมชาติวิทยา นัก Taxidermy ผู้เชี่ยวชาญด้านสตัฟฟ์สัตว์ องค์การพิพิธภัณฑ์วิทยาศาสตร์แห่งชาติ (อพวช.) กล่าวว่า หลังจาก อพวช.รับซากพะยูนมาเรียมช่วงเมื่อ ส.ค.2562 เพื่อการสตัฟฟ์ โดยมีแผนจะดำเนินการให้เร็วที่สุดในตอนนั้น แต่ความยากของการสตัฟฟ์ครั้งนี้ คือการรักษาสภาพหนังของมาเรียม

นายวัชระ บอกว่า เนื่องจากพะยูนเป็นสัตว์ที่ไม่เคยสตัฟฟ์มาก่อน จึงเจอปัญหาในกระบวนการแช่น้ำยา รักษาสภาพหนัง เหมือนกับที่ทำกับสัตว์ชนิดอื่นๆ โดยช่วงเดือนแรกหนังของพะยูนแข็งมาก ผิดจากที่เคยเห็น และดูหดลง เมื่อนำหนังมาลองหุ้มกับหุ่นจำลอง เหมือนกับหุ้มไม่ได้ ทั้งที่มีการวัดขนาดแบบพอดีมา เมื่อหาวิธีแก้ไขว่าจะทำอย่างไรให้หนังนิ่มลง เพราะหากสภาพหนังแข็งมาก อนาคตหากทำเสร็จเรียบร้อย ไปฝืนหรือบังคับหนังเกินไป เสี่ยงที่จะทำให้หนังเกิดแตกหลังจากที่หนังแห้ง

ทำเสร็จในช่วงแรกอาจสวย แต่อาจเก็บไว้ได้ไม่นาน จึงได้เปลี่ยนความเข้มข้นของสารเคมี และใช้ระยะเวลาการแช่หนังให้นานขึ้น นวดหนัง ทำให้หนังที่มีสภาพแข็ง ให้อ่อนนิ่มมากที่สุด จนถึงตอนนี้คิดว่าดีแล้ว ทำอะไรอีกนิดหน่อย หนังก็นิ่มพร้อมหุ้มได้

นายวัชระ บอกว่า หลังจากที่ อพวช.เริ่มเปิดทำงานเดือนมิ.ย.ที่ผ่านมา แต่ทีมงานก็ยังไม่สามารถมาทำงานพร้อมๆ กันได้ หลายคน ซึ่งเป็นสิ่งที่กังวล เพราะหากคนน้อยไปก็จะทำไม่เสร็จตามกระบวนการของเรา แต่ระหว่างที่หยุด COVID 19 หรือช่วงที่ผ่อนปรนกลับมาแล้ว ก็มาทำอย่างอื่นแทน เช่นเช็กสภาพหนัง ของพวกนี้มันทำต้องให้เสร็จทีเดียว คือกระบวนการตอนหุ้มหนัง

พวกหุ่นแบบจำลองตอนนี้ไม่กังวลแล้ว เพราะหุ่นจำลองทำไม่ยาก ปรับเปลี่ยน 1 -2 วันก็แล้วเสร็จ แต่ปัญหาคือต้องมีเวลาเพียงพอจะหุ้มหนัง กระบวนการในการหุ้มหนัง ฟอกหนัง ควรจะให้แล้วเสร็จ ภายใน 3-4 วัน

ตอนแรกวางแผนจะทำสตัฟฟ์ให้แล้วเสร็จภายในปลายเดือนก.ค.ที่ผ่านมา แต่มีเคสจระเข้ตัวใหญ่ 4 เมตร เข้ามาให้สตัฟฟ์ ต้องใช้เวลาเกือบ 2 อาทิตย์ในการเลาะหนัง และโครงกระดูกของจระเข้แล้วยังไม่เสร็จ แผนงานก็ถูกเลื่อนมาเรื่อยๆ

ที่ผ่านมา มีเคสต่างๆ เข้ามาตลอด เช่น วาฬบรูด้า จึงต้องระดมกำลังไปตรงนั้นก่อน เพราะถ้าหากไม่จัดการวาฬที่แช่ไว้ ก็อาจจะทำเคสอื่นต่อไปได้ เมื่อเคลียร์เคสวาฬเสร็จก็เจอช่วง COVID 19 จึงต้องหยุดทุกอย่าง สถานที่ทำงานก็ต้องปิด

ผมคิดว่าทุกคนอยากเห็น มาเรียม ยามีล กลับมาในสภาพที่เหมือนกัที่เขาเคยเห็นผ่านสื่อต่าง ๆ อยู่แล้ว อันนี้เป็นความกดดันอย่างหนึ่งอยู่แล้ว แต่ก็ยังยืนยันว่าเราจะทำให้ดีที่สุด เพระพะยูน 2 ตัวนี้ ยังไงก็ต้องกลับมาเป็น ยามีล และ มาเรียม ในรูปแบบสัตว์สตัฟฟ์ที่สร้างความระลึกถึงเรื่องราวของเขา