วันนี้ (8 ต.ค.2563) พล.ต.อ.วิสนุ ปราสาททองโอสถ จเรตำรวจแห่งชาติ ยอมรับว่า มีมูลความเป็นไปได้สูงที่มีการทุจริต เบิกจ่ายเงินงบประมาณที่ใช้สนับสนุนภารกิจของตำรวจ เกี่ยวกับสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรค COVID-19 หลังมีกลุ่มตำรวจบางส่วนเผยแพร่ข้อมูลเรียกร้องความเป็นธรรมผ่านสื่อสังคมออนไลน์ ในหลายพื้นที่กองบัญชาการทั่วประเทศ
ส่วนใหญ่อ้างว่า เป็นตำรวจชั้นประทวน ได้รับเงินเบี้ยเลี้ยงไม่ครบ โดยถูกหักค่าใช้จ่ายจากผู้บังคับบัญชา จึงสั่งตั้งกรรมการสอบสวนข้อเท็จจริง และให้รายงานผลการสอบสวนภายใน 10 วัน โดยเฉพาะพื้นที่ที่กองบัญชาการตำนวจภูธรภาค 4, ภาค 5 และกองบัญชาการตำรวจท่องเที่ยว
สำหรับการตรวจสอบนั้น จะรับฟังข้อมูลข้อเท็จจริงรอบด้าน เพราะเงินงบประมาณส่วนนี้ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ได้รับการจัดสรรจากรัฐบาล เพื่อใช้ในภารกิจ จำนวน 2,521 ล้านบาท โดยมอบหมายให้แต่ละกองบัญชาการที่มีภารกิจ การตั้งด่าน การจัดเตรียมวัสดุทางการแพทย์ จัดทำแผนเสนอมาเพื่อเบิกจ่าย โดยสำนักงานตำรวจแห่งชาติ จะพิจารณาจัดสรรงบประมาณไปตามที่แต่ละกองบัญชาการเสนอมา ซึ่งในการเบิกจ่ายลงไปในพื้นที่นั้น แต่ละกองบัญชาการ จะพิจารณาย่อยลงไปในระดับกองบังคับการ และระดับสถานีตำรวจ
พล.ต.อ.วิสนุ เชื่อว่า หลังจากเรื่องนี้เป็นข่าวขึ้นมา อาจมีความพยายามในการตกแต่งบัญชี หรือใช้วิธีการปิดอำพรางการกระทำ เพื่อหลบเลี่ยงการตรวจสอบ ซึ่งในส่วนนี้ มั่นใจว่า น่าจะมีพยานหลักฐานเพียงพอเอาผิดได้ ซึ่งหากพบว่ามีมูล สามารถส่งให้คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ หรือ ป.ป.ช. ดำเนินการต่อไปไดั
ขณะเดียวกัน มีเอกสารที่อ้างว่า เป็นบัญชีจัดสรรค่าใช้จ่ายในการแก้ไขปัญหาสถานการณ์ฉุกเฉินด้านความมั่นคง เพื่อบรรเทาผลกระทบจากสถานการณ์การระบาดของโรคติดต่อเชื้อโคโรนา 2019 ของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ครั้งที่ 1 โดยในเอกสาร จะระบุถึงรายละเอียดเงินค่าตอบแทนการปฏิบัติหน้าที่ และเงินค่าใช้จ่ายอื่นๆ เช่น ค่าอาหาร, ค่าเดินทาง และค่าน้ำมันเชื้อเพลิง โดยแยกเป็นการจัดสรรในแต่ละกองบัญชาการ
กองบัญชาการที่มีข้อร้องเรียน คือ กองบัญชาการตำรวจภูธรภาค 4 และตำรวจภูธรภาค 5 ได้รับงบประมาณหน่วยละกว่า 100 ล้านบาท ขณะที่กองบัญชาการตำรวจท่องเที่ยว ได้รับงบประมาณกว่า 15 ล้านบาท
อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง
จเรตำรวจแห่งชาติสั่งสอบปมเบี้ยเลี้ยง COVID-19